Monday, November 30, 2009

ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ รองแชมป์โลก MotoGP บินตรงมาเมืองไทยแวะทักทายแฟนๆ

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำด้านการทำตลาดสปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง พลิกประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ให้กับวงการมอเตอร์ไซค์เมืองไทย ด้วยการนำรองแชมป์โลกโมโตจีพีปีล่าสุด “ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่” นักแข่งชาวสเปน สังกัดทีมเฟี๊ยต - ยามาฮ่า เพื่อนร่วมทีมของ “เดอะ ด็อกเตอร์” วาเลนติโน่ รอสซี่ แชมป์โลกปีล่าสุด บินตรงมาเมืองไทยแวะทักทายแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตชาวไทยให้ได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด ในวันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2552 ที่โชว์รูมรถจักรยานยนต์ยามาฮ่านำเข้า (Yamaha Riders’ Club) ก่อนเข้าเก็บตัวฝึกซ้อมเพื่อสู้ศึกในการแข่งขันฤดูกาล 2010

ถือเป็นครั้งแรกในเมืองไทยที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ กับการต้อนรับรองแชมป์โลกโมโตจีพีปีล่าสุดอย่าง “ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่” ตัวจริงเสียงจริงมาพบปะกับแฟนๆ ชาวไทย และลูกค้ายามาฮ่าอย่างใกล้ชิด พร้อมร่วมกิจกรรมที่โชว์รูมรถจักรยานยนต์ยามาฮ่านำเข้า (Yamaha Riders’ Club) พร้อมสัมภาษณ์สด และมอบของที่ระลึกสุดพิเศษให้กับแฟนคลับที่มาให้กำลังใจ นอกจากนี้ ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ ยังมีโปรแกรมที่จะเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ของกรุงเทพฯ เพื่อเป็นการพักผ่อนไปในตัวก่อนที่เข้าเก็บตัวฝึกซ้อมเพื่อสู้ศึกในการแข่งขันฤดูกาลหน้า

นายประพันธ์ พลธนะวสิทธิ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด กล่าวว่า “ปีนี้ยามาฮ่าประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดในการแข่งขันระดับโลก ด้วยการคว้าทริปเปิลแชมป์ถึง 3 ประเภทด้วยกันคือ แชมป์โลกโมโตจีพี ซึ่งถือว่าเป็นรายการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลกที่ได้รับการกล่าวขวัญว่ายิ่งใหญ่ที่สุดของโลก นอกจากนี้ทีมยามาฮ่ายังคว้ารางวัลประเภททีมแข่งชนะเลิศ ทีมเฟี๊ยต - ยามาฮ่า และรางวัลประเภทผู้ผลิตอีกด้วย ซึ่งเป็นการคว้าทริปเปิลแชมป์สองปีติดต่อกัน โดยแชมป์โลกของรายการนี้คือ วาเลนติโน่ รอสซี่ เจ้าของฉายา "เดอะด็อกเตอร์" คว้าชัยเป็นสมัยที่ 9 และตำแหน่งรองแชมป์โลกได้แก่ ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ หรือ “ร็อกเก็ตบอย” ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมทีมของวาเลนติโน่ รอสซี่ ”

“สำหรับกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ต ยามาฮ่าประสบความสำเร็จมาโดยตลอด ยามาฮ่าตั้งเป้าหมายในการที่จะให้ความสำคัญกับการสนับสนุนกิจกรรมทางด้านกีฬาต่างๆ เพื่อเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคทุกกลุ่ม รวมถึงการสนับสนุนกิจกรรมด้านกีฬามอเตอร์สปอร์ตที่ได้รับความสนใจจากลูกค้ามากขึ้น โดยมีการจัดกิจกรรมส่งนักแข่งเข้าร่วมการแข่งขันในรายการต่างๆ มากมายทั้งใน และต่างประเทศ อาทิ

กิจกรรม Petronas Sprinta Yamaha Automatic Gymkhana 2009 กิจกรรมส่งเสริมมอเตอร์สปอร์ตอีกรูปแบบหนึ่งกับการแข่งขันเพื่อพัฒนาทักษะการควบคุมรถ ที่จัดต่อเนื่องเป็นประจำทุกปีทั่วประเทศ

กิจกรรม Petronas Sprinta Yamaha Cup Race 2009 การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบที่จัดขึ้นเพื่อเฟ้นหาดาวรุ่งตัวแทนประเทศไทยจากทั่วทุกภาคของประเทศไปแข่งขันในระดับอาเซียน

ยามาฮ่า อาเซี่ยน คัพ เรซ เกมส์การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบกระชับมิตรระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้

การแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์เอเซียปี 2009 รายการ PETRONAS Asia Road Racing Championship 2009 ที่ส่ง 2 นักแข่งไทยทั้ง เฉลิมพล ผลไม้ และเดชา ไกรศาสตร์ เข้าร่วมการแข่งขัน โดยสามารถคว้าแชมป์มาครองได้ในปี 2007 และในปี 2009 ทั้งคู่มีคะแนนนำเป็นอันดับ 1 และ 2 อยู่ในขณะนี้

ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาเราได้จัดกิจกรรมเฉลิมฉลองแชมป์โลกโมโตจีพี ให้กับ วาเลนติโน่ รอสซี่ และรองแชมป์โลกโมโตจีพี อย่าง ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ ซึ่งกิจกรรมฉลองความสำเร็จครั้งนี้ ได้จัดขึ้นในหลายจังหวัดทั่วทุกภาค ทั้งหมด 5 ภาค ประกอบด้วย ภาคเหนือ ที่จังหวัดเชียงราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดมหาสารคาม ภาคตะวันออก จังหวัดชลบุรี ภาคตะวันตก จังหวัดราชบุรี ภาคใต้ จังหวัดพัทลุง และที่กรุงเทพฯ ณ โชว์รูมรถจักรยานยนต์ยามาฮ่านำเข้า (Yamaha Riders’ Club) ซึ่งในปีหน้าจะยังคงมุ่งมั่นสนับสนุน และส่งเสริมด้านกีฬาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี”

บรรยากาศของงานเลี้ยงต้อนรับคลาคล่ำไปด้วยผู้บริหารบริษัทฯ แขกผู้มีเกียรติ พรีเซ็นเตอร์ ผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า สื่อมวลชน ร้านอุปกรณ์ตกแต่ง รวมถึงลูกค้ายามาฮ่าคลับ และแฟนคลับชาวไทยทั้งหลาย มาคอยต้อนรับรอพบตัวจริงเสียงจริงของรองแชมป์โลกโมโตจีพีปีล่าสุด “ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่” อย่างใจจดใจจ่อกันตั้งแต่ช่วงบ่าย ที่บริเวณโชว์รูมรถจักรยานยนต์ยามาฮ่านำเข้า (Yamaha Riders’ Club) งานนี้เรียกได้ว่า ถ้าพลาดแล้วคงจะไม่มีโอกาสไหนที่จะได้พบกับนักแข่งระดับโลกผู้นี้อย่างใกล้ชิดแบบนี้ไม่มีอีกแล้ว งานนี้จัดขึ้นมาพิเศษเพื่อชาวยามาฮ่าจริงๆ เมื่อถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย ลอเรนโซ่ เดินทางมาถึงพร้อมกับโบกมือทักทายทุกคน และยามาฮ่าคลับที่มาคอยต้อนรับก่อนที่จะลงมาให้สัมภาษณ์สดกับสื่อมวลชน ซึ่งหลังจากการให้สัมภาษณ์ ลอเรนโซ่ ยังได้เซ็นชื่อเป็นที่ระลึกลงบนถังน้ำมันของรถยามาฮ่า R1 ที่ตกแต่งพิเศษลาย เฟี๊ยต - ยามาฮ่า พร้อมกับออกมาแจกโปสการ์ดให้กับเหล่าแฟนคลับ และกล่าวขอบคุณแฟนคลับทุกคนที่มาคอยต้อนรับอย่างอบอุ่น

ซึ่งกิจกรรมในครั้งนี้ได้สร้างความประทับใจให้กับแฟนคลับชาวยามาฮ่า และลูกค้ายามาฮ่า ได้ไม่น้อยกับความพิเศษที่ยามาฮ่าตั้งใจมอบให้ นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมดีๆ ที่น่าตื่นเต้นเร้าใจ และให้ลูกค้าได้มีส่วนร่วมในกิจกรรม ซึ่งทางยามาฮ่า ตั้งใจสร้างสรรค์ความสุข ความบันเทิง และประสบการณ์ใหม่ๆ ที่สร้างความประทับใจให้กับลูกค้าของเราที่มีจำนวนมากทั่วประเทศ เป็นการตอกย้ำถึงความแตกต่างอย่างโดดเด่นที่บริษัทฯ ได้ทำการตลาดที่แตกต่างมาโดยตลอด ทั้งในด้านสินค้า และกิจกรรมรูปแบบใหม่ๆ เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น

เพิ่มเติม http://www.yamaha-motor.co.th/

ศุนย์ฝึกฯฮอนด้า ได้รับสิทธิพิเศษ ออกหนังสือรับรอง เป็นแห่งแรกของประเทศ

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2552 นายณันทพงศ์ เชิดชู ผู้อำนวยการขนส่งจังหวัดสมุทรปราการ ลงนาม "บันทึกข้อตกลงเกี่ยวกับการดำเนินการของโรงเรียนสอนขับในการออกหนังสือรับรองผลการเรียน เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการขอรับใบอนุญาตขับรถ ระหว่าง กรมการขนส่งทางบก กับโรงเรียนสอนขับรถศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า" ให้สิทธิพิเศษ แก่ศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้าเป็นแห่งแรกที่สามารถดำเนินการอบรม และทดสอบให้กับผู้ขอรับใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ในหลักสูตร 15 ชั่วโมง โดยทางศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้าออกใบรับรองให้ผู้ผ่านการอบรมและทดสอบ ไปรับใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ได้ที่สำนักงานขนส่งจังหวัด

กรมการขนส่งทางบกมีนโยบายสนับสนุนและส่งเสริมให้โรงเรียนสอนขับรถมีมาตรฐานตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด จึงให้โรงเรียนสอนขับรถที่จะออกหนังสือรับรองผลการเรียนเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการขอรับใบอนุญาตขับรถ จะต้องจัดให้มีการทดสอบภาคทฤษฎีด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ( E-Exam ) ตามมาตรฐานของกรมการขนส่งทางบกกำหนด ดังนี้

1. จัดหาอุปกรณ์และ Software ทดสอบภาคทฤษฎีด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ( E-EXAM )
2. โรงเรียนสอนขับรถต้องยินยอมให้กรมการขนส่งทางบก และ สำนักงานขนส่งจังหวัด
2.1 ตรวจสอบวัน เวลาเรียน ของนักเรียน ที่โรงเรียนส่งรายชื่อขอสอบ ว่าครบถ้วน ถูกต้องตามที่กำหนดในหลักสูตรหรือไม่
2.2 ตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารต่างของโรงเรียน สอนขับรถตามที่ ระบุใน เกณฑ์การพิจารณาอนุญาตให้สิทธิเศษแก่โรงเรียนสอนขับรถให้เป็นผู้ดำเนินการทดสอบผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถ
2.3 กำกับดูแลการดำเนินการของโรงเรียนสอนขับรถให้เป็นไปด้วยความถูกต้องตามระเบียบการการขนส่งทางบกว่าด้วยการรับรองโรงเรียนสอนขับรถ พ.ศ. 2547
2.4 ให้ คณะทำงานตรวจสอบการติดตั้งระบบทดสอบอิเล็กทรอนิกส์ ( E-Exam) ของโรงเรียนสอนขับรถที่ได้รับการรับรอง เข้าทำการตรวจสอบการติดตั้งและทดสอบการใช้งานระบบทดสอบภาคทฤษฎีด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ( E-Exam

ซึ่งโรงเรียนศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า ได้เปิดดำเนินการเป็นโรงเรียนสอนขับรถตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2547 และมีผลการดำเนินการเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด จึงได้รับพิจารณาอนุญาตให้สืทธิพิเศษ เป็นแห่งแรก ที่สามารถออกหนังสือรับรองให้ผู้ที่มาอบรมในหลักสูตรขอรับใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ 15 ชั่วโมง นำใบรับรองที่ ศูนย์ฝึกฯ ออกให้ ไปรับใบอนุญาตได้ที่สำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศ

เพิ่มเติม http://www.aphonda.co.th

Sunday, November 29, 2009

Charles Burki



Charles Burki was born in Indonesia ("Nederlands Indie"). From a very young age he combined excellent skills as an illustrator with a strong preference for technical subjects. When he settled in Holland in the middle of the 1930s, motorcycles were his favorite subject. He made many illustrations for the Dutch motorcycle magazine "Motor", like the one below (that must be a Norton M20 and a translation is not required!). It will not come as a surprise that he spent his earnings on fast motorcycles and in 1935 he bought an M30 International. Used solo for two years it was then hitched to a Steib sidecar; that's his wife Sophia in the chair.



In 1942 Charles was captured by the the Japanese and he spent three years in prison camps in Indonesia and Japan. Miraculously, he first survived when the boat he was travelling on was sunk by a torpedo. Then, on the 9th of august 1945, he survived the blast of the "Fat Man" atomic bomb that destroyed Nagasaki from a distance of less than 2000 meters.

The drawings below were made in the Fukuoka 14 prison camp in Nagasaki on pieces of scrap paper that he had found. Obvious, they were made from memory.



After the war, Charles continued to make a living drawing illustrations for companies such as Philips, Fokker and DAF, and off course for "Motor" magazine;  read more in the excellent book by Vincent Denters (above).

Friday, November 27, 2009

1928 CS1 Norton


A very tidy and correct looking CS1 Norton, that lives somewhere in South Africa. When asked to identify the year that this bike was built I got the following answer.

How can one can tell 1927/28/29 CS1 from each other, the simple answer is 'with difficulty!' As far as I know no changes were recorded in the write-up of the show models but that does not mean they did not occur, especially internally! For instance the rocker arms were made thicker at some stage, the lower splined end of the vertical shaft was altered and - almost sure - the length of the vertical shaft changed too. Probably there were some detail changes in the finish. Cheers, Simon.

Update on 05 december 2009 when I was contacted by the owner:

Hi, I am the owner of this 1928 CS1 - registration TJ 22. The registration was it's original, dating from 1928 and was a Johannesburg number. I knew the bike from 1973 and always coveted it. The previous owner passed away as quite a young man and the bike was left to his 10 year-old son. It had failed on one of our major rallies and the son, with no mechanical knowledge, did not have the capability or training to fix it. It languished in their garage for 12 years when, in 2000, the widow contacted me and offered the partly stripped bike - which I grabbed! I had to sell a 300cc OK Supreme, fully restored, to buy the Norton but was convinced it was the right thing to do! I completely stripped it and refurbished all aspects and rode it in the Durban to Johannesburg rally the following year. It has completed a great many such rallies here in South Africa and is used frequently. It is officially dated by our Southern African Veteran & Vintage Association as 1928. Many of the castings have 1927 stamped or moulded internally. Regards, Tony.

Thursday, November 26, 2009

"พีทีที" ยันหนุนต่อส่ง "ฟีม" บิด 600 ซีซี ปีหน้า

ปตท.(พีทีที) ค่ายผู้ผลิตน้ำมันยักษ์ใหญ่ของไทย ยืนยันสนับสนุนงบประมาณส่ง "ฟีม" รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดหนึ่งเดียวของไทยลงแข่งขันเวิลด์ จีพี เป็นฤดูกาลที่ 4 ติดต่อกัน หลังนักบิดหน้าตี๋เตรียมขยับไปแข่งรุ่นโมโตทู (MOTO2) 600 ซีซี 4 จังหวะในฤดูกาล 2010

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ที่สำนักงานใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) นายปรัชญา ภิญญาวัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บมจ.ปตท. เป็นประธานในงานเลี้ยงต้อนรับ รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ หลังเสร็จสิ้นภารกิจแข่ง 250 ซีซี ในฤดูกาล 2009 ที่ผ่านมา

โดยรองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมันบมจ.ปตท. เผยถึงผลงานของนักแข่งสังกัดไทยฮอนด้าพีทีทีแซคว่า ทำผลงานได้อย่างน่าพอใจ ด้วยการจบอันดับ 5 ได้ถึง 2 สนาม รวมถึงจบในอันดับท็อป 10 ได้ในช่วง 4 เรซสุดท้าย ซึ่งเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ

พร้อมกันนี้นายปรัชญายังยืนยันถึงแผนการของปตท.ในฤดูกาลหน้าว่า "ปตท.จะสนับสนุนฟีมต่อไปอย่างแน่นอน เรามั่นใจว่าศักยภาพของเด็กไทยคนนี้จะทำให้คนไทยได้เฮได้แน่นอน ซึ่งเป้าหมายที่เขาตั้งเอาไว้คือการยืนแป้นโพเดียม 1 ใน 3 แต่เราคิดว่าฟีมมีดีที่จะคว้าแชมป์ได้ในอนาคต"

อย่างไรก็ดีแม้จะไม่มีการเปิดเผยตัวเลขงบประมาณในการสนับสนุนฟีมในครั้งนี้ แต่เป็นที่คาดกันว่า ค่ายผู้ผลิตน้ำมันยักษ์ใหญ่ของไทย น่าจะจ่ายเงินส่งเสริมนักบิดไทยในเวทีโลกในจำนวนเลข 8 หลักเลยทีเดียว

ด้านหนุ่มฟีมที่ปีหน้าเตรียมขยับไปบิดรุ่นโมโตทู (MOTO2) 600 ซีซี 4 จังหวะ หลังรุ่น 250 ซีซี ถูกยกเลิกเผยถึงการปรับตัวในปีหน้าว่า "การขยับไปขับรุ่นใหญ่ขึ้นต้องมีการปรับตัวพอสมควร ผมมีโอกาสได้ลองเทสต์ในช่วงสั้นๆที่สเปน ยอมรับว่าเครื่อง 600 ซีซี แรงกว่าเดิมมาก"

"อย่างไรก็ดีแม้จะยังไม่ลงตัวเรื่องของเฟรมรถ (ตัวรถ) แต่ก็เชื่อว่าเมื่อถึงเวลาทีมงานน่าจะเลือกเฟรมได้ลงตัว ส่วนเรื่องเครื่องที่ใหญ่ขึ้นก็จะมีการฝึกซ้อมบิดรถ 600 ซีซี ในเมื่องไทยเพื่อความคุ้นเคยไปพลางก่อน ก่อนที่จะบินกลับไปเทสต์รถคันใหม่อย่างเป็นทางการในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า" นักบิดวัย 21 ปีกล่าว

เพิ่มเติม http://www.manager.co.th/

Wednesday, November 25, 2009

ยืนยัน "ฟีม" ลงเอยแซคบิด MOTO2 ปีหน้า

นายอารักษ์ พรประภา กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนดา จำกัด ยืนยันร้อยเปอร์เซนต์ รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดหนึ่งเดียวของไทยในศึกมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลก จะขับให้กับทีม สต็อป แอนด์ โก (แซค) รุ่น MOTO2 600 ซีซี 4 จังหวะในฤดูกาลหน้า

เวลานี้ รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ กลับมาพักผ่อนในช่วงปิดฤดูกาลที่ประเทศไทย หลังทำผลงานยอดเยี่ยมเก็บ 81 แต้ม คว้าอันดับ 13 ในรุ่น 250 ซีซี ปีที่ผ่านมา แต่ในปีหน้ารุ่นนี้จะถูกยกเลิกและเปลี่ยนเป็น MOTO2 600 ซีซี 4 จังหวะ นายอารักษ์ พรประภา บอสใหญ่ เอพี ฮอนดา ออกมาเผยในงานเปิดตัวรถมอเตอร์ไซด์ ฮอนดา รุ่น พีซีเอ็กซ์ ว่า "ฟีม" จะได้ลงแข่ง เวิลด์ จีพี เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน

"ตอนนี้สามารถยืนยันได้แล้วว่า ฟีม จะลงแข่งภายใต้ทีม สต็อป แอนด์ โก ต่อไปในปีหน้าในรุ่น MOTO2 600 ซีซี เพื่อนร่วมทีมคงเป็นคนเดิมคือ เฮคตอร์ เฟาเบล ส่วนรายละเอียดเบื้องต้นคุยกันเรียบร้อยแล้ว ในวันที่ 5 ธันวาคมนี้ เอดูอาร์โด เปราเลส เจ้าของทีมจะบินมาตกลงขั้นสุดท้ายที่เมืองไทย ไม่น่าจะมีปัญหาและคงมีการเซ็นสัญญาเกิดขึ้นอีกครั้ง" คุณอารักษ์ เผย

ส่วนในเรื่องเงินสนับสนุน นายอารักษ์ กล่าวว่า "งบประมาณตอนนี้คงจะไม่น้อยกว่าปีที่แล้วอยู่ที่ 1.3 ล้านยูโร (ประมาณ 65 ล้านบาท) สปอนเซอร์หลักเจ้าเดิมยังอยู่กันครบทั้ง พิซซา, ปตท. และ เอไอเอส แต่คาดว่าจะมีมาเพิ่มอีก โดยตอนนี้อยู่ระหว่างเจรจา"

จากนี้ "เจ้าฟีม" รัฐภาคย์ จะทำการทดสอบรถเครื่อง 600 ซีซี ในเบื้องต้นก่อนที่สนามพีระเซอร์กิต ประเทศไทย ในส่วนของตัวถังกำลังเลือกกันอยู่ คาดว่าจะเป็นจากค่าย เอฟทีอาร์ จากนั้นจึงจะเหินฟ้าไปทดสอบรถตัวจริงที่ประเทศสเปน ต่อไป

เพิ่มเติม http://www.manager.co.th/

“ฮอนด้า” รุกเจาะตลาดรถมอเตอร์ไซค์หรูระดับพรีเมี่ยม มั่นใจเกินร้อย PCX Top of A.T. เป็นเรือธงทะลวงเปิดเซ็กเมนต์ใหม่

เอ.พี.ฮอนด้า รุกตลาดสองล้อเครื่องระดับพรีเมี่ยม เปิดตัวสุดยอดยนตรกรรมเวิล์ดคลาส “Honda PCX” ที่ สุดแห่งเทคโนโลยีใหม่ของรถจักรยานยนต์ ที่อัดแน่นไปด้วยระบบไฮเทคแห่งการขับขี่ ทรงพลังเปี่ยมสมรรถนะ ประหยัดพลังงงาน พร้อมเติมความหรูหราเหนือระดับทุกกระเบียดนิ้วรอบคัน มั่นใจเกินร้อย Top of A.T. รุ่นนี้จะเป็นเรือธงเปิดเซกเมนต์ใหม่เจาะกลุ่มตลาดบน เคาะราคากระชาก70,000 บาท เปิดขายธันวาคมนี้ ตั้งเป้าโกยยอด 50,000 ต่อปี

มร. เซนจิโร่ ซากุราอิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “หลัง จากฮอนด้าได้ประกาศอย่างเป็นทางการถึงการมาอย่างยิ่งใหญ่ของผู้นำระดับโลก ของรถรุ่นนี้ไปเมื่อเดือนกันยายน และในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ครั้งที่ 41 ที่ผ่านมา วันนี้ฮอนด้าพร้อมที่จะส่งมอบความภาคภูมิใจและคุณค่าความเหนือระดับให้ลูกค้าชาวไทยได้สัมผัสถึง “ความง่าย ความสะดวก ความสบาย (Personal Comfort Xaloon)” ที่มากับ Honda PCX ก่อนใครในโลก โดยฮอนด้าผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์เมืองไทย เชื่อมั่นว่าการรุกบุกเบิกเซ็กเมนต์ตลาดใหม่กลุ่มผู้บริโภคระดับบนครั้งนี้ จะช่วยตอบสนองความต้องการส่วนเพิ่มใหม่ๆ ให้วงการยานยนต์ไทยและเป็นจุดเริ่มต้นการสร้างมาตรฐานนิยามการขับขี่ไปทั่ว โลก โดยในระยะสั้นนี้ Honda PCX จะเป็นโมเดลหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นความน่าสนใจตลาดให้คึกคักมากขึ้น”

“Honda PCX” ออก แบบเพื่อให้ผู้ขับขี่เกิดความรู้สึกสบาย โอ่อ่า หรูหรา และมีความคล่องตัวสำหรับขับขี่ในเมือง โดยถอดแบบความมีระดับในการตกแต่งตามสไตล์รถยนต์คันหรู เพื่อตอบสนองกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่เป็นคนเมืองและมีไลฟ์สไตล์ เบาะนั่งและพื้นที่วางเท้าให้กว้างกระชับรับสรีระท่วงท่าการขับขี่และการ ซ้อนท้ายที่ลงตัว, Body Mount Meter แผงหน้าปัดหรูสไตล์ Cockpit พร้อมระบบ ODO Meter สามารถวัดระยะทุกการเดินทาง, Dual Tail Light with Separate Winker ไฟท้ายคู่พร้อมไฟเลี้ยวแยกส่วน, ชุดไฟหน้าดีไซน์ล้ำ Built-in กับเฟรมหน้าพร้อมไฟหรี่, ล้ออัลลอยขนาด 14 นิ้ว ขับขี่ได้มั่นคงเกาะถนนเป็นเยี่ยม, สวิตช์ควบคุมการเปิดเบาะและฝาถังน้ำมัน ที่เก็บของกว้างใหญ่พิเศษพร้อมที่เก็บของคอนโซลซ้าย ฝาเปิดปิดง่ายใช้งานสะดวก ตอบโจทย์ทุกความต้องการผู้บริโภค

ในด้านเทคโนโลยีสุดยอดสมรรถนะใหม่ Honda PCX คันนี้ ล้ำหน้า ด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานที่ทันสมัย ตอบรับไลฟ์สไตล์ของผู้นำเทรนด์ได้อย่างลงตัว

Alternator / Starter สุดยอดเทคโนโลยีที่ผสมผสานระบบสตาร์ทและการชาร์จไฟไว้ด้วยกัน เพิ่มสมรรถนะเครื่องยนต์ ประหยัดพลังงาน เครื่องยนต์รดินเรียบและเงียบ

ระบบหยุดเครื่องยนต์อัจฉริยะ Idling Stop System ที่ช่วยหยุดการทำงานเครื่องยนต์ในรอบเดินเบา ขณะที่แบตเตอรี่ยังคงทำงาน ไฟหน้าหรี่ลงและไฟที่แผงหน้าปัดอยู่ในสถานะ Stand by แค่บิดคันเร่งเครื่องยนต์จะกลับมาทำงานอีกครั้ง

3 Pots Hydraulic Combined Brake System ระบบคอมบายเบรกแบบไฮดรอลิกพร้อมคาลิเปอร์ 3 ลูกสูบ ในโครงสร้างเบรกระบบคอมบายเบรกเป็นแบบไฮดรอลิก ที่มาพร้อมกับคาลิเปอร์ 3 ลูกสูบ นับเป็นครั้งแรกของเมืองไทยในรถจักรยานยนต์

ระบบสัญญาณกันขโมยพร้อมรีโมทคอนโทรล Anti-Theft Alarm System ครั้งแรกของรถจักรยานยนต์ในเมืองไทย โดยจะส่งสัญญาณเสียงและไฟสัญญาณเตือนทันที เมื่อรถเคลื่อนที่หรือสั่นสะเทือน

เครื่องยนต์ 125 ซีซี ระบบหัวฉีด PGM-FI ระบายความร้อนด้วยน้ำแบบ Built-in Liquid cooled ขับเคลื่อนด้วยสายพานระบบ V-MATIC ติดตั้งแบตเตอรี่ 12V-5Ah. รองรับการทำงานระบบไฟฟ้าทั้งคัน

ระบบความปลอดภัย พัฒนาเต็มพิกัดและช่วยเติมต็มความสมบูรณ์แบบในการขับขี่ ทั้ง Grand Front-Rear Shock Absorber โช้กกันสะเทือนหน้า-หลัง, ดิสก์เบรกหน้า หยุดสนิทมั่นใจ, Key Shutter สวิตช์กุญแจนิรภัยสองชั้น และ Side Stand Switch ช่วยตัดการทำงานเครื่องยนต์ เมื่อเอาขาตั้งข้างลง ป้องกันเหตุไม่คาดคิดจากการเผลอบิดคันเร่งในขณะจอด

“ฮอนด้า พีซีเอ๊กซ์” มีนำความพรีเมี่ยมหรูหรามาให้เลือกด้วยกัน 3 โทนสีในรุ่นเพรสทิส คือสีดำ-น้ำตาล Black Nighthawk, สีเทา-น้ำตาล Silverstone Metallic และสีน้ำตาล Goldbullion Metallic พร้อมกันนี้ฮอนด้ายังสร้างสรรค์อุปกรณ์ตกแต่ง (C-parts) และเครื่องแต่งกาย (Honda Collection) มารองรับความแตกต่าง เติมเต็มความเป็นเอกลักษณ์ของผู้ใช้

ด้านแผนการตลาด Honda PCX ได้ถูกวางตำแหน่งให้เป็นรถแบบ เอ.ที ระดับบนสุดของตลาดรถจักรยานยนต์เมืองไทยหรือ Top of A.T. ภายใต้คอนเซ็ปต์สื่อสารการตลาด “MY SIGNATURE” ที่สะท้อนความมีระดับ (Hi-Class) กลุ่มเป้าหมาย ด้วยดีไซน์และเทคโนโลยีที่เหนือกว่า มาตรฐานเดียวกันทั่วโลก เริ่มวางขายต้นเดือนธันวาคมนี้ โดยเคาะเริ่มต้นที่ 70,000 บาท ตั้งเป้าจำหน่าย 50,000 คันต่อปี

ซื้อ “Honda PCX” วันนี้ รับทันที “PCX Exclusive Premiere Package” แพคเกจรวม 3 สุดยอดบริการเหนือระดับ 1. Honda Roadside Assistance บริการช่วยเหลือกรณีรถเสียฉุกเฉินและช่วยเหลือทางการแพทย์ 1 ปี, 2. Honda Plus Member บริการข่าวสารและความคุ้มครองค่าซ่อมรถ มูลค่าสูงสุดไม่เกิน 6,000 บาท ตลอด 1 ปี โดยประกันภัยไทยวิวัฒน์ และ 3. Honda Safety Course เรียนคอร์สเสริมทักษะขับขี่ปลอดภัยพื้นฐาน มูลค่า 200 บาท หรือคอร์สเพื่อสอบใบขับขี่ มูลค่า 500 บาท โดยเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่ศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า กรุงเทพฯ (สิทธิประโยชน์ทั้งหมดเป็นไปตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด) ตั้งแต่วันนี้-31 ธันวาคมศกนี้ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Honda call Center 0-2725-4000

สัมผัสเทคโนโลยีระดับโลก Honda PCX ได้ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศ และโชว์รูมรถยนต์ฮอนด้าที่ร่วมโครงการจำหน่าย

เพิ่มเติม http://www.newswit.com

Tuesday, November 24, 2009

Discovery of a 1931 Manx Grand Prix winner


Mr Jock Muir (above) was a student at Cambridge University and came from Radlett, a small town close to Luton in Bedfordshire. Jock raced Velocettes with a great deal of success. At one point in the 1930 Junior Manx Grand Prix he was second to Freddie Frith and he settled the fastest lap before retiring due to mechanical problems. In the Senior race he finished 5th, mounted on a 350cc (!) Velocette!

It's a fair bet that agents ‘Dunham and Haines’ supplied Jock’s Velocettes. Dunham and Haines were in Luton, very close to where Jock lived. With Jock’s performance in 1930 they managed to get him a works Norton to ride in the 1931 Manx Grand Prix; the Norton factory supplied their expensive works machines to successful riders only. Sure enough, there is a note in the Norton factory dispatch records that a specially prepared CS1 model with engine number 51750 was delivered to Dunham and Haines on the 26th of August 1931.


Jock did not disappoint Norton and won the 1931 Manx Grand Prix on the CS1; the page above from the 1932 Norton catalogue “That brilliant motorcycle” reports on his victory. The photo at the top of this page probably shows him on his Norton during the race. Happy with the outcome, Dunham and Haines displayed the machine in their shop and the photo below shows the Norton on display, along with Jock’s Grand Prix trophy.


Jock continued to race his Norton and was quite successful and photos of him appeared in the 1934 ‘Roadholder’. One has the caption “J M Muir during his record breaking run of over 101 miles in the hour”. He raced against riders like Frith, Daniell and Crasher White and certainly was no slouch.

Then comes a gap of about 60 years when in 1996 a long standing friend of Alf purchases the remains of a Norton from a farmer in Northern Ireland. The machine was in pieces and in very poor condition. It looked distinctly pre war but it had had a swinging arm conversion and a pair of BSA telescopes replaced the original girders. On his friend’s behalf, Alf sent the engine and frame numbers to the Science Museum in London who at that time held the factory dispatch records and the records stated the magic words; the frame number and the engine number matched and the machine was a works special prepared for the 1931 Manx Grand Prix!


It took Alf another five years to persuade his friend to part with the Norton. As the owner, Alf continued his search and wrote to Old bike Mart who published a photo and description of the bike. There were many replies from Luton residents and a note turned up from a Mr Peter Roydhouse stating that a Norton with engine number 51750 had been supplied to Mr J M Muir in 1931. We can only conclude that Alf most probably owns the remains of the genuine 1931 Manx Grand Prix winning Norton!

The engine of Alf’s bike is of a later type than 1931 as it has the timing side rib in the later position and the filter bolt under the bevel housing that was introduced after 1932. It also has a more modern bronze head and a magnesium cam box with a central oil feed fitted. The engine is stamped as per the original number and there are no signs of another number that has been erased. There seems no doubt however that favored customers could and did return their bikes to the factory for up-dating and the fitting of such things as new crankcases, bronze heads etc. so all of these changes may have been made in the machine’s active life as a racer. Jock retired in the 1933 Senior TT so perhaps he wrecked his engine?


Alf started the restoration in 2003. Engine and gearbox (still containing the original close ratio gears) have been rebuilt by now but Alf intends to leave the frame as it is; all part of the bikes incredible history! (Story by Alf)

“ซูซูกิ รักสิ่งแวดล้อม 2009” พิสูจน์สุดยอดฝีมือช่างมาตรฐานระดับประเทศ

ซูซูกิ สร้างสรรค์กิจกรรมพิเศษประจำปี ตอบแทนสังคมอย่างยิ่งใหญ่กับงาน ซูซูกิ รักสิ่งแวดล้อม 2009 เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม พร้อมเฟ้นหาสุดยอดช่างศูนย์บริการ มาตรฐาน “ซูซูกิ” ในการแข่งขันฝีมือช่างรอบชิงชนะเลิศ ระดับประเทศ ประจำปี 2552 อีกทั้งยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่สร้างความประทับใจอีกมากมาย ณ บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด

กิจกรรมสุดยิ่งใหญ่ครั้งนี้จัดขึ้นโดย บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด ร่วมกับบริษัท เอส.พี. ซูซูกิ จำกัด (มหาชน) และบริษัท บ้านซูซูกิ จำกัด ภายใต้ชื่อ “ซูซูกิ รักสิ่งแวดล้อม 2009” ในระหว่างวันที่ 20 - 22 พ.ย. 2552 โดยได้ดำเนินการจัดงานมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ ปี พ.ศ.2526 จนถึงปัจจุบัน เป็นครั้งที่ 27 ซึ่งในวันที่ 20 พ.ย. 2552 เป็นการแข่งขันฝีมือช่างศูนย์บริการมาตรฐาน ซูซูกิ รอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อยกระดับมาตรฐานฝีมือช่าง และการบริการที่ดีในศูนย์บริการ ซูซูกิ ทั่วประเทศ ตอบรับความพึงพอใจสูงสุดให้ แก่ลูกค้า “ซูซูกิ”


สำหรับพิธีเปิดการแข่งขัน ฝีมือช่างศูนย์บริการมาตรฐาน ซูซูกิ รอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ ได้รับเกียรติจากคุณยุทธนา เหลี่ยมเคลือบ ผู้จัดการทั่วไปส่วนบริการ กล่าวรายงาน พร้อมทั้ง มร.มาซาโนบุ ไซโต้ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์ จำกัด, คุณสถิตย์พงษ์ พรประภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอส.พี.ซูซูกิ จำกัด (มหาชน) และ คุณสิวิมล จังศิริวัฒนดำรง กรรมการบริหาร บริษัท บ้านซูซูกิ จำกัด กล่าวต้อนรับ คณะช่างบริการที่เข้าแข่งขัน จากนั้น คุณเลอเกียรติ แก้วศรีจันทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ให้เกียรติเป็น ประธานในพิธีกล่าวเปิดงาน อย่างเป็นทางการ อีกทั้ง รองผู้ว่าราชการ จังหวัดปทุมธานี ยังได้ให้เกียรติพิสูจน์สุด ยอดเทคโนโลยีเครื่องยนต์ “ซูซูกิ เจลาโต้ 125” ที่รองรับน้ำมัน E20 ได้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสูงสุด


การแข่งขันในปีนี้ ได้ทำการแข่งขันรอบคัดเลือกทีมช่าง จากศูนย์บริการมาตรฐาน “ซูซูกิ” ทั่ว ประเทศ กว่า 300 แห่ง - การสอบคัดเลือกทั้งภาคทฤษฎี และปฏิบัติ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ถึง 30 มิถุนายน 2552 มีผู้ผ่านการคัดเลือกทั้ง หมด 120 ศูนย์บริการ - การแข่งขันรอบรองชนะเลิศ เมื่อวันที่ 5-26 สิงหาคม 2552 จนกระทั่งได้สุดยอดทีมช่างผู้เชี่ยวชาญ เป็นตัวแทน ในแต่ละภูมิภาค จำนวน 50 ศูนย์บริการ - การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ ณ บริษัท ไทยซูซูกิ มอเตอร์ จำกัด ในวันศุกร์ที่ 20 พ.ย. 2552

กติกาการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ บรรดาช่างผู้เข้าแข่งขันต้องทำการทดสอบในภาคปฏิบัติ 4 สถานี และสอบในภาคทฤษฎีอีก 1 สถานี เพื่อคว้าตำแหน่งสุดยอดช่างศูนย์บริการมาตรฐาน “ซูซูกิ” ระดับประเทศ ประจำปี 2009 นอกจากนั้น “ซูซูกิ รักสิ่งแวดล้อม 2009” ในวันที่ 21-22 พฤศจิกายน 2552 ได้มีการบริการตรวจ สภาพรถจักรยานยนต์ เพื่อร่วมลดมลพิษในอากาศ, การบริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง และไส้กรองน้ำเครื่องให้ กับลูกค้า “ซูซูกิ” ฟรี!!! พร้อมชมเทรนดี้มอเตอร์โชว์ทั้งรถแต่งรถแข่ง, รถบิ๊กไบค์ รวมทั้งการจำหน่ายรถจักรยาน ยนต์มือสอง, อะไหล่คุณภาพในราคาพิเศษสุด!!

เพิ่มเติม http://www.spsuzuki.com

Sunday, November 22, 2009

c1938 Model 20 Norton



Martin from the USA sent me this postcard. The photo must have been made in Holland, suggested by the Dutch licence plates, the bicycles in the background and even the man's haircut. On the back of the unused postcard it reads: Reportage, A v Beurden, Hof fotograaf, Tilburg. Tilburg is a town in the south of The Netherlands and mr van Beurden must have been a professional photographer by approval of the Queen herself.

The bike on the left is a DKW RT, a 98cc two-stroke. Many were built, for the only reason that they were very cheap to buy and run I guess. The bike on the right is a 600cc side valve BMW; strikingly, it seems to be almost completely covered in chrome. The BMW is a type R6 or R61, depending on whether it has rear suspension or not, which is not clear from the picture. Both BMW types were produced after 1937.

The Norton is a brand new Model 20. The M20 has the 500cc engine from the M18 but with a twin port head fitted. It's a trials version. In the 1930s, any model could be ordered in trials trim for a few pounds extra. These extra's included things like more ground clearance, a sump plate, high level exhausts, wider front mudguard, foldable kickstart and competition tyres. A very luxurious bike, with the tank panel and all that chrome.

The pushrod tubes still run parallel to each other and the headlight is the 8" Lucas. All of this suggests a 1935-1938 model to me. (Thanks  Martin and Chris!)

An "X"-treme Story: Old & Fast enough...

Donderdag 19 november..boterzacht weer 12 a 13 graden zon op de buik...
dus gauw tussen de klamme lappen vandaan en een plan trekken voor vandaag..
In de ochtend druk met andere zaken daarna weer een jaarlijkse partij olie inslaan bij de vriendelijke "Harley-man" met lange verhalen...
Vervolgens gauw nog een boterham met pindakaas naar binnen werken,
want ja daar word je sterk van, en dat zal blijken...

"LOCO - (gek) MOTIVE"
Ik dacht ik trek mij X "Black Train" uit de schuur en ga lekker een stukje tuffen...en mogelijk ook nog wat clipjes maken. Dus neem ik een oudere digitale fotocamera met een klein statiefje mee...
Zo gezegd zo gedaan en ik had de lokatie al in mijn hoofd staan...
MATCHLESS Model X "Black Train" 990 cc V-Twin 1937
Toch eerst nog maar effe tanken want ja zo'n big X is leeggereden voor je het weet
en ja dan sta je daar langs de weg met een vette brommer en
je handen in je nog resterende haar... : machteloos Matchless.
Daarna was het via De Bilt, Bilthoven naar mijn
favoriete filmlokatie te Lage Vuursche...

Diverse autopramma's gebruiken die lokatie ook voor hun shooting...


Een dag later was autoprogramma "Gek op wielen"
Presentator Bavo Galama en Cameraman Giel daar aan het draaien.

Meestal zijn er weinig mensen door de week en
het lijkt een beetje op de afgelegen zweedse wouden.
Op weg daarheen zag ik een overijverige "brom-zonder-snor"
een stout jochie met een off-road brommerd , een prent uitdelen.
Ik kreeg een beetje een onprettig flash-back gevoel
en dacht terug aan mijn eigen stoute brommerjaren...
Door Lage Vuursche gereden waar altijd wel vertier is
van pensionado's en levensgenieters....
reed ik langs Bea's Kasteel Drakestein
ri. Baarn en dan linksaf ri. golfbaan
en Bistro Boschoord

Daar tref je een prachtig glooiende weg en verderop
nog meer mooie plekken aan om te filmen....
Ik zette mijn digitale fotocamera op een paal,
die ditmaal als statief fungeerde.

Startte de big X en reed weg terwijl de camera al snorde...
Stuk teruggereden keerde ik om om vervolgens in het beeld en langs
de draaiende camera te rijden en zo verzekerd te zijn
van enkele hopenlijk fraaie opname...
Deze procedure wilde ik nog een keer herhalen op een locatie verderop.
Er waren weinig mensen c.q. auto's in het gebied,
maar toch moest ik hier en daar effe wachten
en passerende auto's voor laten gaan...

Ja ook hier is geduld een schone zaak.
Maar goed...terwijl ik de camera verderop al had ingesteld,
draaiende vanaf een klein statiefje op de grond, wachtte ik geduldig af
2 a 3 auto's voor mij, om vervolgens met een flinke vaart
langs mijn draaiende camera te kunnen rijden...
Uiteindelijk reed ik de camera dus voorbij...
Mooi dat moet ook weer gelukt zijn.

Echter aan de andere kant van de weg stond een rode Opel astra station
geparkeerd.. een beetje vreemd vond ik dat wel
want ik had hem op de eerdere lokatie ook al opgemerkt.
Enfin omdraaien terugrijden en camera weer meenemen.
Die opel kwam ik met tegenmoet met een hoge snelheid.
Wat dacht je wat...alles was weg...
Ik ging even aan mijzelf twijfelen waar ik die camera gepositioneerd had.
Het kwartje viel Xtreem snel...
Met mijn big X in volle vaart er achteraan het natuurgebied uit...
Al vrij rap had ik hem in mijn vizier, immers het kentekennummer had ik al
in mijn geheugen gegrift, maar ik wilde mijn camera met opnamen terug!

Dus terwijl hij er als een speer van door ging ri. Lage Vuursche
gaf ik nog eens extra gas bij... hij begon ook weer in te houden
naarmate ik met mijn big X dicherbij kwam
en uiteindelijk ging ik naast hem rijden
en tikte op zijn raampje...Hij stopte en ik ook...
Mijnheer heeft U misschien mijn camera gevonden?
Ja dat klopt er was niemand bij dus heb ik hem meegenomen...
Nou da's tenminste eerlijk... zei ik nog...
Maar terugkijkend naar mijn beelden weet ik nu wel beter.
U bent dus gewaarschuwd en een gewaarschuwd persoon telt voor twee.

Is dit verhaal WAAR of NIET WAAR
U raadt het zelf maar...
Je maakt wat mee op een oude slee...
(lees: motorfiets)

OLD & FAST Enough...

SO

STEEDS VERASSEND, ALTIJD DICHTBIJ!

Motoring George Spauwen


Saturday, November 21, 2009

For Sale 002

FOR SALE:

Norton Wheels







For Sale:

Norton voor- en achterwiel 3.00 x 19 en 3.50 x 19 eventueel met remtrommel.
Prijs n.o.t.k. Bellen naar *Paul Schep 06-23933283 of mailen cpdosch@hotmail

*Nou vooruit dan...voor een D.V.M.A.-Lidje in spe
Rij eerst maar eens mee !

SO


STEEDS VERASSEND, ALTIJD DICHTBIJ!

Motoring George Spauwen


Friday, November 20, 2009

Jimmy Guthrie




The pictures above show Jimmy Guthrie; famous for 19 motorcycle Grand Prix wins and 6 victories at the Isle of Man TT races. Most victories were on Norton motorcycles. Sadly, he was killed on august the 8th 1937 riding in the German Grand Prix. Stanley Woods, an eye withness to the crash, is adamant that a German rider "took Guthrie out". According to him, Jimmy crashed as he was forced into a gutter by Kurt Mansfeld on his DKW. Mansfield was one lap behind when this happened; he reputedly was an emotional man, perhaps trying to show he was just as fast as Jimmy. Though Stanley suggests he did it on purpose as the Nazi regime was unhappy at the English riders being so successful.




Dennis, who has an excellent website on Velocette motorcycles, is the custodian of Australian Allan Schafer's motorcycle literature collection. Allan was a prolific letter writer in mid 1930s to many of the worlds top riders. This photo above and the letters below come from Allan's collection; the pic is a sad shot of Jimmy (in the middle) in the pits just prior to that fateful crash. Mildred Woods (Stanley's wife) sits on the pit counter, team mate Freddie Frith is on the right.

Less well known, Jimmy had a motor-repair business together with his brother Archie and was a technically minded man; see his comments in the letter below on the plunger rear suspension used for the first time in 1936.

For a short film on Jimmy's life, click this link.