Sunday, August 30, 2009

"ฟีม" สุดเซ็งเครื่องพังชวดเก็บ 10 แต้มที่อินดี

รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดหนึ่งเดียวของไทยในศึกเวิลด์ จีพี สุดเซ็งกับผลงานของตัวเองที่เกือบจะเก็บ 10 แต้มจากอันดับที่ 6 ได้สำเร็จในศึกอินเดียนาโพลิส จีพี ทว่าต้องออกจากการแข่งขันในช่วง 2 รอบสุดท้ายเนื่องจากเครื่องพัง

"เจ้าฟีม" ที่ออกตัวจากกริดที่ 9 ในแถวที่ 3 ออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมทั้งบิดเกาะกลุ่มท็อป 5 ได้แบบมีลุ้น ก่อนที่จะแซงเฮคตอร์ บาร์เบรา นัดบิดสแปนิช ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 6 ได้สำเร็จ ทว่ากลับต้องออกจาการแข่งขันทั้งที่เหลือเพียง 2 รอบสุดท้าย

ซึ่งนักบิดวัย 21 ปีจากทีมไทยฮอนด้า-พีทีที-แซค เผยด้วยความผิดหวังว่า "ผมออกสตาร์ทได้ไม่เลว ด้วยการขึ้นไปเกาะกลุ่ม 7 อันดับแรก จากนั้นอุบัติเหตุของจูเลส คลูเซล ชิ้นส่วนท่อไอเสียของเขากระเด็นมาถูกตัวผม แต่ยังโชคดีที่รอดมาได้ แต่ผมก็โชคดีไม่ตลอด เมื่อไปสะกิดกับรถของอเล็กซ์ เดอบอง"

"มันทำให้ท่อไอเสียของผมมีปัญหา ขณะเดียวกันผมไม่สามารถใช้คาบูเรเตอร์ได้อย่างเต็มกำลัง จนกระบอกสูบพังไปอีก 1 ตัว นี่คือความน่าเสียดายที่สุด เพราะมันกำลังจะเป็นวันที่ดีที่สุดของผม แต่ต้องมาจบลงเมื่อเหลือเพียง 2 รอบสุดท้าย" หนุ่มฟีมร่ายยาว

อย่างไรก็ดี "เจ้าลิงน้อย" ยังมองโลกในแง่ดีว่า "เราแสดงให้เห็นว่าเรามาถูกทาง สิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นบทเรียนของผมที่ต้องเรียนรู้ หน้าที่ต่อไปคือการมองไปที่การแข่งขันสนามหน้าที่ซานมาริโน(5 ก.ย.นี้) ผมหวังว่าจังหวะและโอกาสน่าจะเข้าทางเราบ้าง"

สำหรับเจ้าฟีมเคยจบการแข่งขันดีที่สุดในชีวิตในอันดับที่ 5 ที่เลอ มังส์ ในช่วงต้นฤดูกาล ก่อนที่จะประสบปัญหารถคู่ใจไม่พร้อมสมบูรณ์มาตลอดในช่วงหลัง ส่งผลให้ยังมีแต้มอยู่ที่ 43 คะแนน รั้งอันดับ 14 ในตารางรุ่น 250 ซีซีเช่นเดิม

ที่มา http://www.manager.co.th/

หนุ่มเลี่ยนแชมป์ เสียดาย ‘ฟีม’ ชวดติดท็อป 6 อินดี จีพี

มาร์โก ซิมอนเชลลี ยอดนักบิดชาวอิตาเลียนคว้าแชมป์รุ่น 250 ซีซี ศึกอินเดียนาโพลิส กรังด์ปรีซ์ ขณะที่ “เจ้าฟีม” รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ น่าเสียดายที่รถมีปัญหาชวดทำอันดับสูงถึงที่ 6 ไปอย่างน่าเสียดาย

ศึกเวิลด์ จีพี สนามที่ 11 ของรุ่น 250 ซีซี รายการอินเดียนาโพลิส กรังด์ปรีซ์ 2009 ที่อินเดียนาโพลิส มอเตอร์ สปีดเวย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อคืนวันอาทิตย์เป็นการลงบิดชิงชัยกันในรุ่น 250 ซีซี โดย รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ สังกัดไทยฮอนด้า-พีทีที-แซค ออกตัวในกริดที่ 9

โดยการแข่งขัน 26 รอบ (ระยะทาง 109.616 กิโลเมตร) ปรากฏว่า มาร์โก ซิมอนเชลลี จากทีมกิเลรา ออกสตาร์ทในอันดับ 3 อาศัยจังหวะเบียดแซงทั้ง ไมค์ ดิ เมกลิโอ ตำแหน่งโพลโพซิชัน รวมถึง ฮิโรชิ อาโอยามา เข้าเส้นชัยเป็นคันแรกด้วยเวลา 45 นาที 43.599 วินาที ขณะที่ อาโอยามา ซึ่งออกตัวกริดที่ 2 คว้ารองแชมป์สนามนี้ไปครอง ด้วยเวลาที่ห่างจากแชมป์ 1.943 วินาที

ซึ่งจากชัยชนะสนามที่อินเดียนาโพลิส ทำให้ ซิมอนเชลลี คว้าชัยได้สองสนามติดต่อกันแล้วในรุ่น 250 ซีซี ทั้งยังเป็นการซิวแชมป์ 3 จาก 4 รายการหลังสุดด้วยของนักบิดประสบการณ์ปีที่ 4

ส่วน รัฐภาคย์ ทำผลงานเยี่ยมบิดขึ้นมาถึงอันดับ 6 ขณะที่เหลือการแข่งขันอีกเพียงสองรอบ แต่ “เจ้าฟีม” โชคร้ายสุดขีดรถดันมามีปัญหา ทำให้ต้องออกจากการแข่งขัน ชวดมีคะแนนติดมือไปอย่างน่าเสียดาย

ผลการแข่งขัน อินเดียนาโพลิส กรังด์ปรีซ์ รุ่น 250 ซีซี 5 อันดับแรก
1. มาร์โก ซิมอนเชลลี (อิตาลี / กิเลรา) เวลา 45 นาที 43.599 วินาที
2. ฮิโรชิ อาโอยามา (ญี่ปุ่น / ฮอนด้า) ตามหลัง 1.943 วินาที
3. อัลบาโร เบาติสตา (สเปน / อพรีเลีย) ตามหลัง 4.661 วินาที
4. ไมค์ ดิ เมกลิโอ (ฝรั่งเศส / อพรีเลีย) ตามหลัง 12.776 วินาที
5. โรแบร์โต โลคาเตลลี (อิตาลี / กิเลรา) ตามหลัง 15.475 วินาที

สรุปคะแนนรวม 5 อันดับแรก รุ่น 250 ซีซี หลังจบการแข่งขันไป 11 สนาม
1. ฮิโรชิ อาโอยามา (ญี่ปุ่น / ฮอนด้า) 192 คะแนน
2. อัลบาโร เบาติสตา (สเปน / อพรีเลีย) 176 คะแนน
3. มาร์โก ซิมอนเชลลี (อิตาลี / กิเลรา) 165 คะแนน
4. เฮคเตอร์ บาร์เบรา (สเปน / อพรีเลีย) 133 คะแนน
5. แมตเตีย ปาซินี (อิตาลี / อพรีเลีย) 100 คะแนน
14. รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ (ไทย / ไทยฮอนด้า-พีทีที-แซค) 43 คะแนน

ส่วนผลการแข่งขันในรุ่นโมโต จีพี (28 รอบ) ปรากฏว่า ฮอร์เก ลอเรนโซ ยอดนักบิดชาวสเปนของทีมยามาฮ่า เข้าเส้นชัยเป็นคันแรกด้วยเวลา 47 นาที 13.592 วินาที ตามมาด้วย อเล็กซ์ เด แองเจลิส (ฮอนด้า) ที่เวลา 47 นาที 23.027 วินาที ขณะที่ นิคกี เฮย์เดน (ดูคาติ) ได้อันดับ 3 เวลา 47 นาที 26.539 วินาที

ที่มา http://www.manager.co.th/

Friday, August 28, 2009

สหฯ รุกเปิดประมูลมอ ไซค์มือสอง

สหการประมูลชี้ตลาดรถจักรยานยนต์มือสองต่างจังหวัดยอดขายพุ่ง เผยลูกค้านิยมซื้อเพราะราคาประหยัด ยืนยันไม่คิดขายแข่งรถใหม่เนื่องจากลูกค้าคนละกลุ่ม รวมรถทุกรุ่นทุกยี่ห้อกว่า 300 คัน เปิดประมูลราคาถูกวันเดียวที่จังหวัดสระแก้ว

น.ส.เสาวลักษณ์ ชัยเดชสุริยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหการประมูล จำกัด เปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่ 31 สิงหาคมนี้ บริษัทได้กำหนดให้มีการประมูลขายรถจักรยานยนต์มือสองขึ้นที่จังหวัดสระแก้ว ณ ลานประมูล ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาจังหวัดสระแก้ว เวลา 11.00 น. ชมรถวันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม ตั้งแต่เวลา 09.00–17.30 น. การประมูลดังกล่าวได้มีการรวบรวมรถยึดทุกรุ่นทุกยี่ห้อจากไฟแนนซ์ต่างๆ กว่า 300 คัน มาเปิดประมูลขายในราคาถูกกว่าตลาดรถจักรยานยนต์มือสองทั่วไป ทั้งนี้ เชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเช่นเดียวกับจังหวัดอื่นๆ เนื่องจากรถจักรยานยนต์มือสองส่วนใหญ่อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานและใกล้เคียงรถใหม่ ที่สำคัญยังเป็นยี่ห้อและรุ่นที่กำลังได้รับความนิยมในตลาด เช่น HONDA WAVE100, HONDA CLICK, YAMAHA MIO, YAMAHA FINO, YAMAHA NOUVO ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่จดทะเบียนระหว่างปี 2008-2009 และถูกประเมินราคาขายถูกกว่ารถใหม่ 50-70%

การเปิดประมูลขายรถจักรยานยนต์มือสองนั้นบริษัทไม่มีนโยบายที่จะแข่งขันกับตลาดรถใหม่ เนื่องจากลูกค้าคนละกลุ่ม จึงไม่ได้เสนอเงื่อนไขใดๆ เพื่อจูงใจให้เกิดการซื้อ แต่ที่การประมูลขายรถจักรยานยนต์มือสองได้รับความนิยมจากผู้บริโภคในต่างจังหวัดค่อนข้างสูง เนื่องจากราคาขายที่ประหยัดกว่า ซึ่งสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและความต้องการของผู้บริโภค นอกจากนี้แล้วกลุ่มลูกค้าที่นิยมประมูลซื้อไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้ใช้รถเท่านั้น แต่มีธุรกิจและร้านขายรถจักรยานยนต์มือสองเข้าร่วมประมูลซื้อด้วย เนื่องจากข้อได้เปรียบด้านราคา” น.ส.เสาวลักษณ์ กล่าว และให้ความเห็นเพิ่มเติมถึงทิศทางตลาดรถจักรยานยนต์มือสองว่า ที่ผ่านมาตลาดดังกล่าวใน กทม. ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี ทำให้ต้องมีการเพิ่มรอบประมูลทั้งที่สำนักงานใหญ่และสาขารังสิต-คลอง 8 ถึง 4 รอบต่อสัปดาห์ๆ ละไม่ต่ำกว่า 200 คัน เมื่อผู้บริโภคให้ความสนใจสูงจึงได้ขยายตลาดในภูมิภาคมากขึ้น ผลปรากฏว่าในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาตลาดมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เพราะการประมูลแต่ละครั้งนั้นสามารถทำยอดขายได้ไม่ต่ำกว่า 95%

ที่มาhttp://www.banmuang.co.th/

ปากีฯแบนรถมอเตอร์ไซค์ติดก๊าซ

ปากีสถาน ได้ออกประกาศห้ามใช้รถจักรยานยนต์ติดก๊าซธรรมชาติ ซีเอ็นจี โดยให้เหตุผลว่า การติดตั้งดังกล่าวไม่ได้เข้าข่ายของระเบียบว่าด้วยการติดตั้งก๊าซสำหรับยานยนต์ และแจ้งไปยังสถานีบริการก๊าซ ผู้ได้รับใบอนุญาตติดตั้งและผู้ใช้รถ

สำหรับประกาศดังกล่าวได้เกิดขึ้นหลังจากที่มีผู้ประกอบการได้มีการนำรถจักรยานยนต์ที่มีการติดตั้งพร้อมชุดอุปกรณ์ก๊าซธรรมชาติมาจำหน่าย โดยไม่ได้ขออนุญาตจากรัฐบาล ดังนั้นจึงต้องระงับไม่ให้ใช้รถประเภทดังกล่าว ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ซึ่งปัจจุบันนี้ปากีสถานยังไม่มีกฎหมายเกี่ยวกับการดัดแปลงรถจักรยานยนต์เพื่อใช้ก๊าซธรรมชาติ แต่อย่างไรก็ตามรัฐบาลก็พร้อมที่จะเปิดรับฟังความคิดเห็นและพร้อมที่จะพิจารณารถประเภทดังกล่าว

ก่อนหน้านี้อาร์เจนตินาได้มีการผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์ที่ประกอบเสร็จจากโรงงานพร้อมกับชุดติดตั้งก๊าซธรรมชาติ เพื่อตอบสนองกลุ่มที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในช่วงที่น้ำมันแพง โดยบริษัทที่มีชื่อว่า ซาเนลล่า (Zanella) ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์รายใหญ่ของอาร์เจนตินา เตรียมเปิดตัวรถจักรยานยนต์พลังงานทางเลือกจากก๊าซซีเอ็นจี โดยรถรุ่นใหม่ล่าสุดที่จะเปิดตัวราวเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ใช้เครื่องยนต์ขนาด 150 ซีซี สามารถติดตั้งถังก๊าซจำนวน 2 ถัง วิ่งได้ระยะทางราว 200 กิโลเมตร

รถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ได้รับการสนับสนุนด้านเทคโนโลยีจาก ECOP Rosario ซึ่งเป็นบริษัทแห่งแรกที่ได้รับการอนุมัติให้สามารถผลิตระบบก๊าซที่ติดตั้งในรถจักรยานยนต์ได้ โดยรถรุ่นใหม่นี้จะสามารถประหยัดพลังงานได้ราว 6 เท่า และเตรียมแผนที่จะติดตั้งให้กับรถยนต์ยี่ห้อและรุ่นอื่นๆที่ขายในอาร์เจนตินา รวมถึงการส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศอื่นๆในอนาคตอีกด้วย โดยได้เริ่มส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ ด้านจีนก็ได้มีการพัฒนารถดังกล่าวออกมาจำหน่ายด้วยเช่นกัน

สำหรับตลาดอุปกรณ์ก๊าซติดในรถจักรยานยนต์ หรือมอเตอร์ไซค์ในประเทศไทยนั้นในช่วงที่ผ่านมามีผู้จำหน่ายบางรายได้รับติดตั้งก๊าซสำหรับรถจักรยานยนต์ ซึ่งการติดตั้งดังกล่าว ยังไม่ได้รับรองมาตรฐานความปลอดภัย ทำให้ปริมาณการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ติดตั้งก๊าซยังมีจำนวนไม่มากนัก อีกทั้งรถจักรยานยนต์นั้นสิ้นเปลืองน้ำมันต่ำ คาดว่าในอนาคต รถจักรยานยนต์ที่ติดตั้งก๊าซจะไม่ได้รับความนิยม
ก๊าซธรรมชาติเอ็นจีวี หรือที่เรียกว่า ซีเอ็นจีนั้นได้เริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา ปัจจุบันอาร์เจนตินาเป็นประเทศที่มีการใช้รถจากพลังงานซีเอ็นจีมากที่สุดในโลก ซึ่งราคาของก๊าซจะถูกกว่าน้ำมัน

ที่มา หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ

"ฟีม" เชื่อติดแถวหน้าได้หากทีมงานเซ็ตรถลงตัว

รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดสังกัดไทยฮอนด้า-พีทีที-แซค ในศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกรุ่น 250 ซีซี ยังเชื่อมั่นว่าตนเองมีสิทธิ์ทำทำผลงานติดกลุ่มผู้นำได้ หากรถแข่งคู่ใจได้รับการเซ็ตอัพที่ลงตัวกว่าที่ผ่านๆมาจากทีมงานสต็อป แอนด์ โก

ฟีมเคยทำผลงานชิ้นโบว์แดงในฤดูกาล 2008 ที่ผ่านมา ด้วยการเป็นนักบิดคนเดียวของรุ่น 250 ซีซี ที่จบการแข่งขันได้ทุกสนาม ทว่าในปีนี้ กลับไม่จบการแข่งขันเนื่องจากรถมีปัญหาไปแล้ว 1 ครั้ง ทั้งยังประสบอุบัติเหตุออกจากการแข่งขันอีก 2 สนาม

อย่างไรก็ดีนักบิดหน้าตี๋จากประเทศไทย ยังคงเชื่อมั่นในรถฮอนด้า RS250RW ว่าจะสามารถพาตนเองจบการแข่งขันในอันดับที่สูงๆรวมถึงขึ้นโพเดียมได้ หากได้รับการเซ็ตอัพที่ลงตัว รวมถึงจังหวะต่างเป็นใจกว่าที่ผ่านมา

"จริงๆแล้วรถของเราโอเคอยู่แล้ว ดูจากที่ ฮิโรชิ อาโอยามา (ใช้รถสเปกเดียวกัน) ก็กำลังคั่วแชมป์โลกอยู่ แต่เนื่องจากที่ผ่านมาเรา(ทีมงานสต็อป แอนด์ โก)ยังเซ็ตอัพเครื่องยนต์ตอนแข่งยังไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้ผลการแข่งขันไม่เป็นที่น่าพอใจ"

"ที่ผ่านมาทั้งผมและทีมงานก็ทำงานหนัก หากดูเวลาต่อรอบของเราไม่ได้ต่างกันเลยในตอนซ้อม มันเป็นจังหวะที่ยังไม่ลงตัว เพราะบางครั้งที่รถดี ผมก็ดันมีอาการบาดเจ็บ โอกาสดีๆของเราเลยยังไม่ค่อยมี " ฟีมร่ายยาวผ่าน MGR Sport

สำหรับฟีมมีคิวลงทำศึกเวิลด์ จีพี สนามที่ 11 ของรุ่น 250 ซีซี ในรายการอินเดียนาโพลิส กรังด์ปรีซ์ 2009 ที่อินเดียนาโพลิส มอเตอร์ สปีดเวย์ สหรัฐอเมริกา โดยจะแข่งขันกันในช่วงเที่ยงคืน ของคืนวันอาทิตย์ที่ 30 ส.ค.นี้ ตามเวลาประเทศไทย

ที่มา http://www.manager.co.th/

Thursday, August 27, 2009

โปรเรซซิ่งเพิ่มรุ่นแข่งจักรยานยนต์

"พัทยาโปรเรซซิ่งซีรีส์ 2009" ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สนามที่ 3 เสาร์และอาทิตย์ที่ 29-30 ส.ค.นี้ ผู้จัดเพิ่มกิจกรรมแสดงรถเครื่องเสียง มอเตอร์ไซค์สตันต์โชว์และแรลลี่ท่องเที่ยวเป็นกิจกรรมเสริม นอกเหนือจากการเพิ่มแข่งรถจักรยานยนต์ขึ้นอีก 2 รุ่น ถ่ายทอดสดให้ชมกันในวันอาทิตย์ ระหว่าง 15.00-17.00 น. ทาง T Sport Channel และ True Visions ช่อง 68 ใน 4 รายการใหญ่ ทั้งซุปเปอร์ไบค์ 1000 โปร รุ่นแฟมิลี่ และรถยนต์โปรคาร์และโปรทรัค

ที่มา หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

คุณพร้อมแล้วหรือยังกับความมันส์...ที่คอบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษต้องห้ามพลาด !

บริษัท ไทยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ได้จัดกิจกรรมออนไลน์ เกมยามาฮ่าพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2009 -2010 ให้แฟนๆคอบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ได้ร่วมสนุก ลุ้นมันส์...กันแมทช์ต่อแมทช์ ชิงรางวัลกันทุกเดือน พร้อมลุ้นรับรางวัลใหญ่ปลายปี 2009 อาทิ Notebook , เกม PSP, กล้องถ่ายรูป, เครื่องเล่น MP3 และของพรีเมียมอีกมากมาย ระเบิดความมันส์แล้วที่นี่ http://www.yamaha-motor.co.th/PML09/


ที่มา www.yamaha-motor.co.th

Suzuki "Jelato"

Wednesday, August 26, 2009

นิตยสารนักเลงมอเตอร์ไซค์ เล่มที่ 09:09

ในเล่ม:
- แกะกล่องลองขี่ Honda Click i B.O. Project นอกจากสีแล้วมีอะไรใหม่
- จับจังหวะจูน ของที่ใหญ่กว่า มันดีกว่าจริงหรือ?
- KAWASAKI ER-6n แรงและเร็วเท่ๆแบบ Naked Roadster
- HUSQVARNA SM 530 RR ซูเปอร์โมโตพันธุ์แท้
- YAMAHA Mio Drag Racing 402 11.5 ตัวเลขตัวแรงจาก "อ้อมน้อย"
- สัมผัสล่าสุด BENELLI Cafe Racer
HUSQVARNA SM 530 RR
HONDA CBR 1000 RR
SUZUKI GSX-R 1000 K9
KAWASAKI VN 1700 Nomad
DUCATI Monster 696
KTM 990 Super Duke R
- ยัดคาร์บูเรเตอร์ "โต" (ภาคอัพเดท) เที่ยวแล้วไม่สะใจ ยัดใส่ด้วยขนาด 18 มม.
- ล้วงลึกกับระบบ "คอมบาย เบรค"
- 2003 HARLEY-DAVIDSON FLSTF Fat Boy
- Yamaha Maxam 250

ฮอนด้าเร่งถกอนาคต "ฟีม" ซีซันหน้า

อารักษ์ พรประภา กรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ยืนยันกำลังเร่งเรื่องอย่างเต็มที่เพื่อสรุปอนาคตของ รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ ว่าจะยังคงลงแข่งในสังกัดทีมสต็อป แอนด์ โก (แซค) ต่อไปหรือไม่ หลังผู้จัดปรับกติกาใหม่ในฤดูกาลหน้า

หลังจากที่ฝ่ายจัดการแข่งขันจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลกประกาศเตรียมยกเลิกการแข่งขันรุ่น 250 ซีซี ที่เจ้าฟีมลงชิงชัยอยู่ในเวลานี้ ด้วยการเปลี่ยนไปใช้รถเครื่องยนต์ 4 จังหวะ 600 ซีซี ภายใต้ชื่อรุ่น โมโต 2 ในฤดูกาลหน้าแทน

ส่งผลให้อนาคตของ รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ ที่กำลังชิงชัยในรุ่นดังกล่าวเป็นฤดูกาลที่ 3 ร่วมกับทีมสต็อป แอนด์ โก (แซค) ต้องสั่นคลอนทันที เนื่องจากยังไม่มีการยืนยันว่าทีมแข่งสัญชาติสเปนจะดำเนินการร่วมงานกับนักบิดไทยต่อไปหรือไม่

ล่าสุด อารักษ์ พรประภา บอสใหญ่เอพีฮอนด้า เปิดเผยว่า "จากกติกาที่จะมีการเปลี่ยนแปลงในปีหน้า ประกอบกับฤดูกาลนี้เหลือการแข่งขันอีกเพียง 6 เรซ ทำให้เราต้องเร่งหารือถึงอนาคตของฟีมในปีหน้า ซึ่งเวลานี้นอกจากสต็อปแอนด์โก(แซค)ต้นสังกัดเดิมแล้ว ยังมีอีก 2 ทีมที่สนใจดึงเขาไปร่วมทีม"

"ในนามของเอพี ฮอนด้า เรากำลังหารือกับทั้งทีมสปอนเซอร์ ,ทีมโรงงานฮอนด้า (HRC) รวมถึงงบค่าใช้จ่ายที่น่าจะเพิ่มขึ้นอีกในปีหน้า อย่างไรก็ดีผมเชื่อว่าน่าจะได้ข้อสรุปในทางที่ดีในเร็ววันนี้"เสี่ยอารักษ์เผยผ่าน ASTVผู้จัดการรายวัน

พร้อมกันนี้บอสใหญ่เอพีฮอนด้า ยังปฏิเสธข่าวที่เตรียมขยับฟีมขึ้นไปบิดในรุ่นโมโตจีพีว่า "จริงอยู่ที่ดอร์นา (ฝ่ายสิทธิประโยชน์) ให้ความสนใจที่จะดึงตัวฟีมขึ้นไปแข่งรุ่นโมโตจีพี (800 ซีซี) แต่ในความคิดของผมแล้ว ฟีมยังน่าจะต้องสั่งสมประสบการณ์จากรุ่นโมโต 2 ไปก่อน"

สำหรับ ฟีม ปัจจุบันรั้งอันดับ 14 ในรุ่น 250 ซีซี เพิ่งจะเดินทางออกจากสเปนไปยังสหรัฐเมริกา เพื่อเตรียมทำศึกเวิลด์จีพี รายการอินเดียนาโพลิส กรังด์ปรีซ์ ที่อินเดียนาโพลิส มอเตอร์สปีดเวย์ โดยจะแข่งขันในคืนวันที่ 30 ส.ค.นี้ ตามเวลาประเทศไทย

ที่มา http://www.manager.co.th/

คาวาฯปรับทัพ โยกฐานการผลิต ชูไทยผลิต2ล้อ

บริษัท คาวาซากิ ในญี่ปุ่น ประกาศโยกฐานการผลิตรถจักรยานยนต์มายังประเทศไทย เหตุค่าแรงถูกคุ้มทุนกว่า บลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างหนังสือพิมพ์โยมิอูริ ฉบับวานนี้ว่า บริษัท คาวาซากิ เฮฟวี อินดัสทรีส์ บริษัทผู้ผลิตเครื่องจักรกลขนาดใหญ่ในญี่ปุ่น จะเริ่มโยกย้ายฐานการผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดกลางและรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ จากเดิมที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่นมายังประเทศไทยภายในปี 2553 นี้ เนื่องจากไทยมีข้อได้เปรียบเรื่องค่าแรงที่ถูกกว่า ทั้งนี้ รายงานเปิดเผยว่า คาวาซากินับเป็นบริษัทญี่ปุ่นแห่งแรก ที่ตัดสินใจย้ายฐานการผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ ทั้งหมดมายังประเทศตลาดเกิดใหม่ อย่างไรก็ดีรายงานไม่ได้กล่าวรายละเอียดที่ชัดเจน ถึงช่วงเวลาและสถานที่ตั้งโรงงานผลิตแห่งใหม่ที่แน่ชัด ขณะที่ก่อนหน้านี้ บริษัท

ฮอนด้า มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุด อันดับ 2 ในญี่ปุ่น ได้พิจารณาโยกย้ายฐานการผลิตรถจักรยานยนต์ขนาดเล็กและขนาดกลาง จากประเทศญี่ปุ่นมายังประเทศไทยแล้ว แต่ไม่ได้รวมถึงรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ เนื่องจากติดข้อจำกัดด้านภาษี ในวันเดียวกันหนังสือพิมพ์นิกคัน โคเกียว ได้รายงานว่าบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดอันดับ 1 ของโลกจากญี่ปุ่น มีแผนที่จะผลิตรถยนต์ราคาถูกเพื่อป้อนกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ในประเทศจีนและไทยโดยเฉพาะ ซึ่งจะเริ่มภายในปี 2553 นี้ ขณะเดียวกันรายงานยังกล่าวด้วย ว่าโตโยต้าตั้งเป้าจะผลิตรถยนต์ประเภทดังกล่าวในสายการผลิตที่เรียกว่า รถครอบครัวแบบเริ่มต้นที่ 1.5 แสนคัน ต่อปี เพื่อรองรับความต้องการรถยนต์ขนาดเล็กที่มีราคาถูกในกลุ่มประเทศ ตลาดเกิดใหม่

ที่มา หนังสือพิมพ์ Post Today

“ซูซูกิ” เตรียมรุกตลาดแฟชั่น เปิดตัวรถจักรยานยนต์ใหม่ ... ดีไซน์เก๋ พร้อมพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ “นิชคุณ” 2PM

“ซูซูกิ” ค่ายรถจักรยานยนต์ชั้นนำของประเทศไทย ประกาศรุกตลาดรถจักรยานยนต์ออโตเมติกสไตล์แฟชั่นอย่างเป็นทางการ ด้วยการเตรียมตัวเปิดตัวรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ เปี่ยมด้วยศักยภาพที่เหนือกว่ากับเทคโนโลยีหัวฉีดอัจฉริยะ DCP-FI พร้อมด้วยดีไซน์แปลกใหม่ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากไอศกรีม เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นยุคใหม่โดยเฉพาะ

เนื่องจากปัจจุบันตลาดรถจักรยานยนต์ออโตเมติกมีการเติบโตเป็นอย่างสูง ดังนั้น “ซูซูกิ” ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ออโตเมติกที่นอกจากจะใส่ใจในเรื่องการประหยัดน้ำมันแล้ว ยังเน้นในเรื่องเครื่องยนต์ที่มีกำลังแรงกว่าถึง 125 ซีซี ถือเป็นรถจักรยานยนต์ออโตเมติกที่มีสมรรถนะของเครื่องยนต์ด้วยซีซีสูงที่สุด นอกจากนั้นรถจักรยานยนต์ตัวใหม่ของ “ซูซูกิ” ยังเป็นเครื่องยนต์หัวฉีดอัจฉริยะ DCP-FI เอกลักษณ์ของ “ซูซูกิ” ที่เน้นระบบเผาผลาญที่หมดจด ช่วยประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตร่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

สำหรับรถจักรยานยนต์ตัวใหม่ของ “ซูซูกิ” ที่กำลังจะเปิดตัวนั้น เจาะกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่น รักความสนุกสนาน และสีสันที่สดใส พร้อมด้วยเครื่องยนต์หัวฉีด DCP-FI แรงถึง 125 ซีซี ซึ่งมีความโดดเด่น ฉีกจากการดีไซน์แบบเดิมๆ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้มีทางเลือกที่แตกต่าง และแสดงถึงความเป็นตัวตนที่แท้จริงมากยิ่งขึ้น

โดยการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ “ซูซูกิ” รุ่นใหม่ พร้อมกับการเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์หนุ่มหล่ออย่าง “นิชคุณ 2PM” ที่นำขบวนความน่ารัก และความสนุกสนานมารอพบกับคุณ และเปิดโอกาสให้ได้กรี๊ดกันอย่างใกล้ชิดแค่ซื้อสินค้า Collectionโดนๆ ของ “นิชคุณ” เพียง 100 ท่านเท่านั้นที่จะได้รับสิทธิ์ลุ้น Meet&Greet กับ “นิชคุณ” นอกจากนั้นยังมีมินิคอนเสิร์ตจาก 4 หนุ่ม Tattoo Colour และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ในวันเสาร์ที่ 5 กันยายน 2552 ณ ลานพาร์คพารากอน ตั้งแต่เวลาประมาณ 14.00 น. เป็นต้นไป

ที่มา http://www.siamsport.co.th/

"ฟีม" มั่นใจขยับอันดับโลกที่อินเดียนาโพลิส

รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดหนึ่งเดียวของไทยในศึกเวิลด์ จีพี หวังขยับอันดับโลกในตารางคะแนนสะสมรุ่น 250 ซีซี สุดสัปดาห์นี้ในการแข่งขันที่อินเดียนาโพลิส สหรัฐอเมริกา หลังหยุดนิ่งอยู่อันดับ 14 มาหลายสนามจากผลงานที่ไม่สู้ดี

นักบิดสังกัดไทยฮอนด้า-พีทีที-แซค กลับมาเก็บคะแนนได้อีกครั้งในการแข่งขันสนามล่าสุดที่สาธารณรัฐเช็ก หลังก่อนหน้านี้ประสบปัญหาไม่จบการแข่งขันที่เยอรมนีและอังกฤษ ซึ่งเจ้าตัวมั่นใจว่าการแข่งขันสนามต่อไปในสุดสัปดาห์นี้เป็นโอกาสดีที่จะขยับอันดับโลกอีกครั้ง

โดยเจ้าฟีมเผยก่อนออกเดินทางจากประเทศสเปนไปยัง อินเดียนาโพลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อทำศึกสนามต่อไปว่า "การเก็บแต้มได้ที่เบอร์โน(เช็ก)ทำให้ผมมีความมั่นใจมากขึ้น ซึ่งเป้าหมายของผมในสนามนี้คือการเก็บแต้มให้ได้มากที่สุดเพื่อที่จะขยับอันดับโลกให้ได้"

พร้อมกันนี้นักบิดวัย 21 ปี ยังพูดถึงการแข่งขันในปีที่แล้วที่พลาดลงแข่งเนื่องจากถูกยกเลิกด้วยพิษพายุไต้ฝุ่นว่า "ปีที่แล้วผมควอลิฟายได้ดี แต่น่าเสียดายที่การแข่งขันถูกยกเลิก ผมยังจำได้ว่าฝนตกลงมาหนักมากจนแทร็กแทบจะกลายเป็นแม่น้ำไปเลย ผมหวังว่าปีนี้จะไม่มีอะไรมาขัดขวางเราอีก"

ฟีมมีแต้มสะสมในรุ่น 250 ซีซีอยู่ที่ 43 คะแนน ตามหลังลูคัส พีเช็ก,จูเลียส คลูเซล และไมค์ ดิ เมกลิโอ ที่อยู่อันดับเหนือกว่าเพียง 1,5 และ7 คะแนนเท่านั้น โดยศึกอินเดียนาโพลิส จีพี จะมีขึ้นที่อินเดียนาโพลิส มอเตอร์สปีดเวย์ ในคืนวันอาทิตย์ที่ 30 ส.ค. นี้

ที่มา http://www.manager.co.th/

"ลอเรนโซ" ต่อสัญญาบิดให้ทีมยามาฮ่า 1 ปี

ฆอร์เก ลอเรนโซ ยอดนักบิดชาวสเปนตัดสินใจปักหลักอยู่กับทีมเฟียต-ยามาฮ่า ต่อไป หลังจากเซ็นสัญญาฉบับใหม่เป็นเวลา 1 ปี

สิงห์สองล้อรุ่นโมโตจีพีวัย 22 ปี เพิ่งจะตกเป็นข่าวว่า ดูตาติ ทีมคู่ปรับพร้อมทุ่มค่าจ้างก้อนโตดึงตัวไปร่วมงานในฤดูกาลหน้า หลังสัญญากับยามาฮ่ากำลังจะหมดหลังจบฤดูกาลนี้ โดยปัจจุบันรับค่าเหนื่อยเพียง 2 ล้านยูโรต่อปี (ราว 96 ล้านบาท) น้อยกว่า วาเลนติโน รอสซี เพื่อนร่วมทีมถึง 7 เท่า ขณะที่ ดูคาติ พร้อมจ่าย 8 ล้านยูโร (ราว 384 ล้านบาท) เป็นการล่อใจ

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดสำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ลอเรนโซ ตกลงอยู่กับทีมต่อไป 1 ปี โดยมี ลิน ยาร์วิส กรรมการผู้จัดการของทีมยามาฮ่า เรซซิง ออกแถลงว่า “เราหวังว่า ลอเรนโซ จะอยู่กับ ยามาฮ่า ไปอีกหลายปีนับจากนี้ ซึ่งเราไม่สงสัยเลยว่าเขาจะก้าวขึ้นไปเป็นแชมป์โลกรุ่นโมโตจีพีในอนาคต”

“เราภูมิใจที่เขาตัดสินใจอยู่กับ ยามาฮ่า แม้ว่าจะได้รับข้อเสนอที่ล่อใจจากบรรดาทีมคู่แข่งของเราเข้ามามากมายก็ตาม” ยาร์วิส กล่าวด้วยความโล่งใจ ทว่า แหล่งข่าวไม่ระบุตัวเลขค่าจ้างที่ ลอเรนโซ จะได้รับในสัญญาฉบับใหม่แต่อย่างใด

ทั้งนี้ ลอเรนโซ มีคะแนนสะสมในรุ่นโมโตจีพีเป็นอันดับ 2 ตามหลัง วาเลนติโน รอสซี เพื่อนร่วมทีมชาวอิตาเลียนอยู่ 50 คะแนน โดยศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกสนามต่อไป จะไปแข่งขันกันที่อินเดียนาโพลิส มอเตอร์สปีดเวย์ ประเทศสหรัฐเอเมริกา ในช่วงดึกของคืนวันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม ตามเวลาประเทศไทย

ที่มา www.manager.co.th>

"เดอะด็อกเตอร์" แบะท่าซิ่งเอฟวันปี 2011

วาเลนติโน รอสซี ยอดนักบิดแชมป์โลก 8 สมัย พร้อมทำตามฝันของตนเองด้วยการร่วมทีมเฟอร์รารี ลงแข่งรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลกฤดูกาล 2011 หลังสัญญาฉบับปัจจุบันกับทีมเฟียต-ยามาฮ่า ในศึกโมโตจีพีจะหมดลงในปี 2010

"เดอะด็อกเตอร์" ตกเป็นข่าวเตรียมเปลี่ยนชนิดกีฬาจากมอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลก มาเป็น ฟอร์มูลา วัน หลายต่อหลายครั้ง เนื่องจากเคยร่วมทดสอบรถกับทีม "ม้าลำพอง" ที่สนามมาลาเนลโน มาแล้วถึง 3 ครั้ง นับจากปี 2006 เป็นต้นมา

ซึ่งแม้ว่ายอดนักบิดอิตาเลียนจะเคยออกมาปฏิเสธว่า ไม่ได้รับการทาบทามจากเฟอร์รารี ให้เข้ามาทำหน้าที่แทนเฟลิเป มาสซาในฤดูกาลนี้ ทว่าล่าสุดเจ้าตัวให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อในบ้านเกิดว่า มีความเป็นไปได้ที่จะขยับไปขับเอฟวันหลังปี 2010

"เวลานี้ผมยังมีสมาธิอยู่กับการแข่งขันโมโตจีพี เช่นเดียวกับในปีหน้าที่ผมยังเหลือสัญญากับยามาฮ่าอีก 1 ฤดูกาล แต่หลังจากนั้นในปี 2011 อะไรจะเกิดขึ้นเราจะได้เห็นกัน ผมมีทางเลือกมากมายซึ่งยังไม่จำเป็นต้องตัดสินใจในเวลานี้"

"การได้เป็นนักขับให้เฟอร์รารีลงแข่งเอฟวันคือความฝันของทุกคน ในปี 2006 พวกเขาเคยเสนอให้ผมเป็นนักขับทดสอบ แต่เวลานั้นผมยังไม่อยากทิ้งอาชีพที่ผมรัก ทว่าหากเป็นในปี 2011 ผมคิดว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้เมื่อถึงเวลานั้น" นักบิดวัย 30 ปี ร่ายยาว

รอสซี กำลังไล่ล่าตำแหน่งแชมป์โลกสมัยที่ 9 ของตัวเองในการแข่งขันจักรยานต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก รุ่นโมโต จีพี ฤดูกาล 2009 โดยเจ้าตัวมีคิวทำศึกสนามต่อไปในรายการอินเดียนาโพลิส กรังด์ปรีซ์ ที่สหรัฐอเมริกา วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคมนี้

ที่มา http://www.manager.co.th/

บิ๊กไบค์-เสกเวย์โอกาสใหม่ของคนที่มองเห็น

เมื่อมองย้อนไปประมาณ 1-2 ปีที่ใครๆ ต่างก็จับตามองกระแสเศรษฐกิจที่มีการคาดการณ์ว่าจะต้องได้รับผลกระทบจากสภาวการณ์เศ่รษฐกิจตกต่ำของสหรัฐอเมริการอย่างแน่นอน เพียงแต่ใครจะได้รับมากหรือน้อยเท่านัน ดังนั้น จึงส่งผลให้เกิดการเตรียมตัวไปในทิศทางของการชะลอการลงทุนในโครงการใหม่ๆ ท่ามกลางความไม่มั่นใจต่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ

แต่อย่างไรก็ตาม มีผู้ประกอบการที่มองเห็นโอกาสและใช้จังหวะเวลานี้ในการก่อร่างสร้างธุรกิจใหม่ขึ้นมา โดยเน้นไปที่การมองและตัดสินใจจากศักยภาพของตนเองเป็นหลัก แต่มีการวางกรอบแนวคิดในการทำธุรกิจแบบที่เรียกได้ว่าเสี่ยงอย่างมีการประเมินไว้แล้ว เพระไม่มีธุรกิจไหนที่ไม่มีความเสี่ยง "ผู้จัดการ 360 รายสัปดาห์" ติดตาม 2 ผู้ประกอบการที่มองเห็นโอกาสในธุรกิจ "บิ๊กไบค์" กับ "เสกเวย์" มานำเสนอ

บิ๊กไบค์ต้องเริ่มก่อนจะสายไป
ในช่วงจังหวะของเศรษฐกิจขาลง แต่"Gen4" สามารถแจ้งเกิดในธุรกิจ "Big bike" ทั้งๆ ที่รถมอเตอร์ไซค์คันละเกือบแสนขึ้นไปจนถึงราคาหลักล้านบาทนี้เรียกได้ว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย ยิ่งในยุคเศรษฐกิจตกต่ำอย่างนี้ด้วยแล้ว นอกจากนี้ รถบิ๊กไบค์ยังเป็นธุรกิจที่มีอยู่ก่อนแล้ว ไม่ใช่สินค้าแปลกใหม่ที่ไม่เคยมีในตลาด แต่จุดสำคัญ ที่ทำให้ Gen 4 แทรกตัวขึ้นมาในธุรกิจนี้ได้ เป็นเพราะเห็นช่องว่างและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแตกต่าง จึงมีโอกสาใหม่ๆ เกิดขึ้น

จุดเริ่มต้นของ Gen 4 ไม่ได้แตกต่างจากหลายๆ ธุรกิจที่เกิดมาจากความสนใจหรือความฝันของผู้ประกอบการคนหนึ่ง ที่มีความประทับใจในอะไรสักอย่างหรือแปรเปลี่ยนงานอดิเรก ของเล่นสนุกๆ ในยามว่าง ที่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิต เป็นไลฟ์สไตล์ส่วนตัวมาก่อร่างสร้างเป็นธุรกิจขึ้นมา แต่ความแตกต่างอยู่ที่การเตรียมความพร้อมและความสามารถในการบริหารจัดการ

หลังจากตัดสินใจแล้วว่าจะลงมือริเริ่มธุรกิจใหม่เพราะธุรกิจที่ปรึกษาทางการประชาสัมพันธ์ที่ทำมาถึง 13 ปี อยู่ในจุดที่อยู่ตัวแล้ว และยังคิดว่าวัยที่ร่วงเลยไปเรื่อยๆ อาจจะกลายเป็นอุปสรรค "ชาญยุทธ ชาญวิถี" จึงชักชวน วีระพงศ์ เหล่าวานิช ซึ่งเป็นนักธุรกิจที่ชื่นชอบการขับขี่รถบิ๊กไบค์เหมือนกัน พร้อมทั้ง ยังได้วรวุธ พานิชกุล นักแข่งมืออาชีพ หรือ Biker กับธวัชชัย ตรีพิชิต ซึ่งมีความถนัดในเรื่องงานช่างมาเป็นทั้งทีมงานและหุ้นส่วน ทั้ง 4 คน ร่วมกันก่อตั้ง บริษัท เจนโฟร์ มอเตอร์ไบค์ จำกัด ขึ้นมาเมื่อ 2 ปีก่อน

"การที่เราคนเดียวจะมาเรียนรู้ใหม่หมดกับธุรกิจที่มีมาอยู่ก่อนนานแล้วจะเสียเปรียบคนที่อยู่มาก่อน เพราะฉะนั้นการหามือโปรมาช่วยเสริมกันเพราะถนัดคนละด้าน ทำให้เราสามารถก้าวทันคนอื่นได้ในเวลาที่ค่อนข้างเร็ว เพราะตอนนี้เราเป็นที่รู้จักในวงการนี้แล้ว"

แม้ว่ารูปแบบธุรกิจจะไม่แตกต่างแต่แนวคิดในการทำธุรกิจของ Gen 4 ต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ เริ่มแรกคือแนวคิดในการมองโอกาสธุรกิจด้วยการมุ่งเน้นไปที่การหากลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ซึ่งเป็นการสร้างฐานลูกค้าที่ต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ ที่มักจะมองแต่กลุ่มลูกค้ากลุ่มเดิม โดยใช้วิธีการกระตุ้นตลาดที่แตกต่าง เริ่มจากการทำประชาสัมพันธ์เฉพาะกลุ่ม ด้วยการนัดสมาชิกที่อยู่ในกลุ่มไปขับรถเที่ยว การออกบูทในศูนย์การค้า รวมทั้งการไปโชว์ตัวในงานอีเวนต์ ซึ่งเป็นโอกาสให้พบลูกค้าใหม่ที่มักจะสนใจเข้ามาทักทาย ทำให้ได้โอกาสแจกนามบัตร

ที่สำคัญคือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีโดยเน้นไปที่การเปิดรับทุกคนที่ให้ความสนใจอย่างเป็นมิตรโดยไม่ได้หวังว่าจะเกิดการซื้อขายตามมาหรือไม่ พร้อมกับการสร้างจุดเด่นในเรื่องการบริการ ไม่ว่าจะเป็นการพาไปขับอย่างถูกวิธีและปลอดภัย โดยมีสนามฝึกที่เป็นมาตรฐานและนักแข่งรถที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญมาช่วยฝึก รวมทั้งฝีมือของช่างที่สามารถแต่งรถหรือดูแลรถให้ทำออกมาแล้วใช้งานได้จริง ยังเป็นจุดแข็ง นอกจากนี้ ยังมีบริการจัดไฟแนนซ์เพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้าจ่ายได้ดีขึ้นและมีการดูแลรับซื้อขายแลกเปลี่ยน

"ในขณะที่รายอื่นๆ ส่วนมากจะกลุ่มเป้าหมายระดับ B ขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็น Triumph, BMW, Ducati และ Harley Davidson ซึ่งเป็นรถที่มีดีไซเนอร์แต่งอย่างสมบูรณ์แบบมาแล้ว เพราะฉะนั้น เราจึงเน้นกลุ่มเป้าหมายระดับ B ลงมาเป็นหลัก เพราะเป็นกลุ่มที่ยังมีช่องว่าง ไม่มีใครจับตลาดที่ชัดเจน และเห็นว่ามีลูกค้าที่ชอบสนุกกับการแต่งรถเอง เช่น ทำเฟรมใหม่ ทำสีใหม่ หรือรถสปอร์ตจากญี่ปุ่นอย่างซูซูกิ ถ้าจะเบรกที่ความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงต้องมีการปรับแต่งอุปกรณ์ใหม่ เพราะเบรกปรกติไม่พอ ซึ่งเรามีช่างที่มีความสามารถในการดูแลและให้คำปรึกษาแนะนำลูกค้าได้จริงๆ

มองอนาคตสดใส ปูทางสร้างความยั่งยืน
เนื่องจาก ธุรกิจนี้ยังมีภาพที่เรียกว่า "Gray market" เพราะมีการซื้อรถที่มีแต่ใบ Invoice ซึ่งเป็นอะไหล่นำเข้ามาประกอบและขับขี่โดยไม่จดทะเบียนและเสียภาษีให้ถูกต้องตามกฏหมาย แต่แนวทางการทำธุรกิจของ Gen 4 มองความถูกต้องในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคมและต้องการสร้างความยั่งยืนในธุรกิจ ถึงแม้ว่าจะทำให้เสียโอกาสในการขายเพราะลูกค้าต้องจ่ายมากขึ้น ด้วยการขายรถทุกคันแบบมีการจดทะเบียนและจ่ายภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งทำให้การซื้อรถแต่ละคันของลูกค้าต้องมีค่าใช้จ่ายสุงขึ้นคันละประมาณ 5-8 หมื่นบาท

"ลูกค้าบางคนอยากจะประหยัดเงินและคิดว่าไม่เป็นไรถ้าตำรวจจับคงจะต่อรองได้ ในขณะที่ บางร้านก็คิดแค่อยากจะขายเท่านั้น แต่สำหรับเราอยากทำให้ถูกต้องมากกว่า เพราะเราไม่ได้ทำธุรกิจแบคิดแต่จะขายหรือต้องมีกำไรมากๆ แต่คิดว่าถ้าเราสามารถทำให้ธุรกิจยั่งยืนได้ ผลกำไรก็จะตามมาเอง นอกจากนี้ในอีกไม่เกิน 5 ปี ข้างหน้าค่าทะเบียนรถใหญ่นำเข้าจะเป็น 0% ทำให้โอกาสในการขายของเราสูงขึ้นอัตโนมัติ

อย่างไรก็ตาม ชาญยุทธ มองอนาคตของธุรกิจนี้ว่า น่าจะเติบโตไปได้อีกนาน เพราะปัจจุบันค่ายรถญี่ปุ่นรายใหญ่เข้ามาเปิดศูนย์บริการรถบิ๊กไบค์ ไม่ว่าจะเป็น ฮอนด้า ยามาฮ่า คาวาซากิ และซูซูกิ ซึ่งจะเป็นการเข้ามาช่วยขยายตลาด เพราะจะมีการกระตุ้นความนิยมให้เพิ่มมากขึ้น และจะเป็นประโยชน์โดยรวมเพราะไม่ใช้ลูกค้าทุกคนจะเข้าไปใช้บริการกับศูนย์ฯ ดังนั้น Gen 4 จึงเป็นทางเลือก

นอกจากนี้ ยังมองว่าเพราะผู้ชายทุกคนชอบความเร็วและใฝ่ฝันอยากจะมีรถบิ๊กไบค์เอาไว้ขับเล่น เพราะเสน่ห์อยู่ที่ความเท่ห์ของรถและเครื่องแต่งกาย รวมทั้งความสนุกกับการได้ขับขี่และได้มารวมกลุ่มพบปะคนที่ชอบเหมือนกัน

ในด้านการบริหารจัดการ ถึงแม้จะเป็นธุรกิจเล็กๆ มีทีมงานประมาณ 10 คนเท่านั้น แต่หากไม่มีแนวทางและวิธีบริหารจัดการที่ดีจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจได้ไม่น้อย โดยเฉพาะบางส่วนในทีม ซึ่งมีความเป็นศิลปินชอบความอิสระ ไม่ให้ความสำคัญกับเรื่องระเบียบกฏเกณฑ์หรือความคิดแบบธุรกิจทำให้ต้องปรับตัว ทั้งการใช้คำพูด การแสดงออกและค่อยๆ ใส่ความคิดเข้าไปให้เกิดความเข้าใจตรงกัน อย่างไรก็ตาม แนวทางในการทำธุรกิจที่หุ้นส่วนทุกคนคิดตรงกันคือต้องซื่อตรงต่อลูกค้า ไม่ตีหัวเข้าบ้าน เพราะเชื่อว่าจะเป็นรากฐานให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน นอกเหนือจากการใช้ความสมารถที่มีอยู่อย่างเต็มที่

ที่มา หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายสัปดาห์

Tuesday, August 25, 2009

ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์โหมแคมเปญโค้งสุดท้าย

ฮอนด้าประเมินสภาพตลาดรถจักรยานยนต์ครึ่งหลังคึกคัก ผู้ผลิตอัดแคมเปญหวังเพิ่มยอดขาย ขณะที่ยอดขายเดือนก.ค.ที่ผ่านมา 138,898 คัน ลดลง 13% เหตุจากเข้าช่วงฤดูฝน นอกฤดูการขาย ยอดขายรถเกียร์อัตโนมัติยังคงได้รับความนิยม

นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าตลาดรถจักรยานยนต์จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง ด้วยปัจจัยเชิงบวกต่างๆ ที่จะกลับเข้ามาช่วยเสริม ทั้งปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับผู้บริโภคเริ่มมีความมั่นใจในสถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มคลี่คลายและมีเสถียรภาพมากขึ้นจากช่วงที่ผ่านมา รวมถึงกิจกรรมที่ค่ายผู้ผลิตต่างทยอยนำเสนอออกมากระตุ้นตลาด ซึ่งปัจจัยต่างๆ เหล่านี้จะสะท้อนถึงสัญญาณที่ดีของทิศทางตลาดรถจักรยานยนต์ในบ้านเราอีกครั้ง

ส่วนแนวโน้มของสภาพตลาดไตรมาส 3 นี้เป็นต้นไป คาดว่าค่ายผู้ผลิตรายใหญ่ๆ จะยังคงนำเสนอกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าตลาดโดยรวมจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น มีความคึกคัก และมีความตื่นตัวสูงขึ้นจากครึ่งปีแรก ซึ่งนับเป็นภาพของสัญญาณที่ดีในการเริ่มต้นตลาดครึ่งปีหลัง

สำหรับสภาพตลาดตั้งแต่ต้นปี 2552 ที่ผ่านมา ตลาดรถจักรยานยนต์ไทย ต้องฝ่าฟันกับภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยเรื่องสภาพคล่องทางเศรษฐกิจโดยรวม และความไม่แน่นอนของการเมืองภายในประเทศ ซึ่งส่งผลให้ตลาดหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงเป็นไปในลักษณะการลดลงแบบชะลอตัว ซึ่งเมื่อดูตัวเลขตลาดรวมรถจักรยานยนต์ 7 เดือนแรก นับว่ามีอัตราเติบโตลดลงเล็กน้อย ด้วยปริมาณยอดจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 882,122 คัน ส่งผลให้การขยายตัวมีอัตราลดลงเพียง 15% เมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้รายละเอียดของยอดการจดทะเบียนในเดือนแรกของครึ่งปีหลังนี้ ปรากฏว่ารถจักรยานยนต์แบบเกียร์อัตโนมัติ หรือแบบ เอที ขึ้นมาได้รับความนิยมสูงสุด ด้วยปริมาณยอดจดทะเบียนเดือนกรกฎาคม 66,802 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 48% ในขณะที่รถจักรยานยนต์แบบครอบครัว แม้ว่าในเดือนนี้จะมียอดการจดทะเบียนที่น้อยกว่ารถแบบ เอที แต่ก็ต่างกันในสัดส่วนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยรถจักรยานยนต์แบบครอบครัว มีปริมาณยอดจดทะเบียนเดือนกรกฎาคม 66,646 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 48% แต่หากนับปริมาณยอดจดทะเบียนโดยรวม 7 เดือน นับตั้งแต่ต้นปีรถจักรยานยนต์แบบครอบครัวยังคงมีปริมาณยอดจดทะเบียนมากที่สุดถึง 435,321 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 49% และยังคงครองความนิยมเป็นประเภทรถจักรยานยนต์ที่มียอดขายสูงสุดอย่างยาวนาน

ส่วนรถประเภทอื่นๆ มีรายละเอียดยอดการจดทะเบียนสะสมตั้งแต่ครึ่งปีแรกจนถึงเริ่มเดือนแรกของครึ่งปีหลัง ดังนี้ คือ รถแบบ เอที มีปริมาณ 411,405 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 47%, รถแบบครอบครัวกึ่งสปอร์ต 21,674 คัน สัดส่วนตลาด 2%, รถแบบสปอร์ต 6,684 คัน สัดส่วนตลาด 1% และรถประเภทอื่นๆ 7,038 คัน สัดส่วนตลาด 1%

ในขณะที่หากแบ่งแยกเป็นยอดจดทะเบียนตามประเภทของผู้ผลิต รถจักรยานยนต์ฮอนด้า 582,443 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 66%, ยามาฮ่า 245,872 คัน อัตราครองตลาด 28%, ซูซูกิ 38,076 คัน อัตราครองตลาด 4%, คาวาซากิ 7,935 คัน อัตราครองตลาด 1%, เจอาร์ดี 863 คัน, แพล็ตตินั่ม 600 คัน, ไทเกอร์ 473 คัน และอื่นๆ 5,860 คัน

นายธีระพัฒน์ กล่าวต่อไปว่าในส่วนของฮอนด้า เริ่มต้นส่งกิจกรรมมากระตุ้นตลาดในครึ่งปีหลัง ด้วยการผลักดัน 2 แคมเปญส่งเสริมการขายอย่าง "ผ่อนสนุกขี่สบาย...กับอิออน" และแคมเปญ "คลิกแจกใหญ่ ได้ไม่ต้องลุ้น" ให้ช่วยเป็นทางเลือกในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ประกอบกับการโหมทำกิจกรรม สร้างความต่อเนื่องให้กับแคมเปญ C'mon Let's Have Fun ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมการเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ ในการแข่งขันฟุตบอลระหว่างทีมสโมสรระดับโลก "ลิเวอร์พูล" กับทีมชาติไทย และกิจกรรมที่สร้างปรากฏการณ์คลื่นมหาชนในมหกรรมดนตรีริมทะเล Honda Click i Reggae on the Rock ที่ส่งสัญญาณการตอบรับที่ดีล้นหลามจากประชาชนกว่าแสนคนทั่วประเทศที่มาร่วมงาน นับว่าทั้ง 2 แคมเปญ และ 2 กิจกรรมใหญ่ดังกล่าวช่วยรักษาสภาพตลาดและเป็นการการันตีฐานผู้ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าได้เป็นอย่างดี

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ

Monday, August 24, 2009

การชำระภาษีสรรพสามิตรถจักรยานยนต์

ด้วยปัจจุบันปรากฏว่ามีการประกอบรถจักรยานยนต์ขึ้นจา กชิ้นส่วนอุปกรณ์นำเข้าเป็นจำนวนมาก ซึ่งรถจักรยานยนต์เป็นสินค้าที่ต้องเสียภาษีสรรพสามิ ต ตามพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตประเภทที่ 08.90 ในพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ท้ายพระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2527 ผู้ครอบครองรถจักรยานยนต์ดังกล่าวบางส่วนไม่รู้ว่าต้ องเสียภาษี หรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน ย่อมมีความผิดฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าที่มิได้เ สียภาษีหรือเสียภาษี ไม่ครบถ้วน ต้องระวางโทษปรับตั้งแต่สองถึงสิบเท่าของค่าภาษี

ดังนั้น กรมสรรพสามิตจึงมีหนังสือด่วนที่สุดให้สำนักงานสรรพส ามิตพื้นที่กรุงเทพมหานคร 1 แจ้งประชาสัมพันธ์ว่าหากท่านมีภูมิลำเนาอยู่ภายในฝั่ งธนบุรีทั้งหมด (เขตทวีวัฒนา เขตตลิ่งชัน เขตหนองแขม เขตบางแค เขตภาษีเจริญ เขตบางบอน เขตบางขุนเทียน เขตจอมทอง เขตราษฎร์บูรณะ เขตทุ่งครุ เขตบางพลัด เขตบางกอกน้อย เขตบางกอกใหญ่ เขตคลองสาน เขตธนบุรี) และมีรถจักรยานยนต์ที่ประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนอุปกรณ์น ำเข้าไว้ในครอบครอง ขอให้ตรวจสอบว่าได้มีการชำระภาษีสรรพสามิตไว้ถูกต้อง ครบถ้วนแล้วหรือไม่ หากยังไม่ได้ชำระภาษีสรรพสามิตอย่างถูกต้องครบถ้วนขอ ให้ติดต่อชำระภาษีสรรพสามิต ณ สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่กรุงเทพมหานคร 1 กรมสรรพสามิต ถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ ภายในวันศุกร์ที่ 25 กันยายน 2552 หากพ้นระยะเวลาดังกล่าว กรมสรรพสามิต จะดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัดต่อไป

อนึ่ง กรณีมีข้อสงสัยประการใดสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียด ได้ที่สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่กรุงเทพมหานคร 1 โทรศัพท์หมายเลข 0 2668 6413 0 2668 6413 โทรสาร 0 2668 6414 0 2668 6414 E-mail : Krungtep1@mail.excise.go.th

สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่กรุงเทพมหานคร 1
สิงหาคม 2552


การชำระภาษี รถจักรยานยนต์
การจัดเก็บภาษีตามพิกัดอัตราภาษี ประเภท 08.90
1. รถจักรยานยนต์
(1) ชนิดเครื่องยนต์ 2 จังหวะ ตามมูลค่าร้อยละ 5
(2) ชนิดเครื่องยนต์ 4 จังหวะ ตามมูลค่าร้อยละ 3
ลักษณะสินค้าที่ผลิตหรือประกอบ เช่น สินค้ารถจักรยานยนต์ ชนิดเครื่องยนต์ 2 หรือ 4 จังหวะ

ผู้ผลิตหรือประกอบรถจักรยานยนต์มีความประสงค์ยื่นชำร ะภาษีเตรียมเอกสาร ดังนี้
1. ทำหนังสือถึงผู้อำนวยการสำนักงานสรรพสามิตพื้นที่กรุ งเทพมหานคร 1 เรื่อง ขอชำระภาษีรถจักรยานยนต์
2. สำเนาใบเสร็จรับเงินค่าแฟรมรถจักรยานยนต์
3. สำเนาใบเสร็จรับเงินค่าแรงประกอบรถจักรยานยนต์
4. สำเนาใบเสร็จรับเงินค่าทำสี กรณีเปลี่ยนสีหรือทำสีใหม่
5. สำเนาใบเสร็จค่าเครื่องยนต์
6. ลอกลายหมายเลขเครื่อง หมายเลขแฟรม
7. เอกสารในการนำเข้า เช่น ใบเสร็จรับเงินของกรมศุลกากร ใบขนสิ้นค้าขาเข้า ใบ INVOICE
8. รูปถ่ายรถจักรยานยนต์ ประมาณ 2 รูป
9. สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน
10. หนังสือมอบอำนาจติดอากรแสตมป์ 10 บาท (กรณีให้ผู้อื่นมาดำเนินการแทน)

เมื่อมีปัญหาหรือข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่
• สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่กรุงเทพมหานคร 1
โทร. 02 - 6686413 02 - 6686413 FAX : 02 – 6686414
หรือทาง E-mail : Krungtep1@mail.excise.go.th
ทางจดหมาย
สำนักงานสรรพสามิตกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 1
กรมสรรพสามิต 1488 ถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300

รถจักรยานยนต์ฮอนด้า คว้ารางวัลดีเด่นด้านความปลอดภัยทางท้องถนน

พณฯ ท่านนายกรัฐมนตรีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะให้เกียรติมาเป็นประธานในการมอบรางวัล “ Prime Minister Road Safety Award ” ให้แก่ มร. เซนจิโร่ ซากุราอิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เนื่องด้วยเป็นองค์กรที่มีผลงานดีเด่น และเป็นที่ยอมรับในด้านการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยทางท้องถนน ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) โดยศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางท้องถนน ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมนานาชาติกรุงเทพ ไบเทค บางนา

บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ผู้นำอันดับ 1 ตลาดรถจักรยานยนต์ไทย ได้เป็นผู้บุกเบิกและดำเนินการ สานต่อนโยบายสนับสนุนกิจกรรมด้านความปลอดภัยทางท้องถนนในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่องตลอด 20 ปี โดยแรกเริ่มทางฮอนด้าได้ดำเนินการรณรงค์เรื่องความปลอดภัยทางถนน ภายใต้โครงการ "เมืองไทยปลอดภัย" หรือ Safety Thailand มาตั้งแต่ปี 2532 พร้อมจัดตั้งศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้าเป็นแห่งแรกในประเทศไทย ณ ตำบลสำโรงใต้ จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อปี 2537 หลังจากนั้นในปี 2544 มีการพัฒนาศูนย์ฝึกฯ ให้มีมาตรฐานและศักยภาพเพิ่มขึ้น ตลอดจนขยายพื้นที่เป็น 15,000 ตารางเมตร ส่งผลให้ในเวลานั้นศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยฮอนด้า เป็นศูนย์ฝึกฯ แห่งแรกที่ได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบกกระทรวงคมนาคมรวมทั้งจัดให้มีการฝึกอบรมในหลักสูตรการสอบทำใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์

และล่าสุดเมื่อต้นปี 2552 ที่ผ่านมานี้ เพื่อเป็นการยกระดับศักยภาพการส่งเสริมความปลอดภัยทางถนนให้มากยิ่งขึ้นอีกครั้ง บริษัทฯ จึงสร้างศูนย์ฝึกขับขี่ปลอดภัยแห่งใหม่ที่ ยิ่งใหญ่ และครบวงจรมากขึ้นในกรุงเทพฯ โดยเป็นศูนย์ฝึกฯ ที่ใหญ่ที่สุดในเขตภูมิภาคอาเซี่ยน ได้รับการรับรองจากกระทรวงคมนาคมและสามารถรองรับการฝึกขับขี่ได้ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ตั้งแต่หลักสูตรระดับพื้นฐานจนกระทั่งถึงระดับฝึกทักษะขั้นสูง ตลอดจนการสนับสนุนกิจกรรมด้านความปลอดภัยร่วมกับร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปมีความเข้าใจและตระหนักถึงการสำคัญของการขับขี่อย่างปลอดภัยบนท้องถนน ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ที่มา
บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด

Sunday, August 23, 2009

The pre - Isle Of Man Testrun 2009


L.S.

Hier en daar werd mij gevraagd of er morgen soms nog gereden gaat worden?

Ik weet het diverse DVMA-lidjes zijn nog volop aan...
aan het sleutelen...maar toch
Is er behoefte aan een pre-IOM Test Run...
om Piloot & Machine nog even te testen... ??

Dan wil ik voor morgen Zondag 23 aug 14.00 uur
nog wel een kort ritje uitschrijven !?

Laat me dan asap weten...
of je nog mee wilt!
Motoring George

Op de Valreep

KIJK MAAR OF JE NOG MEE WILT/KUNT...

Maar vandaag zondag 23 aug vanaf 14.00 uur gaan
we vanuit het bekende adres O.N. Utrecht
toch nog een korte pre -IOM Run rijden...
Een laatste Test voor Mens & Machine!
Welkom...
See Ya!
MGS
En zo geschiedde...
Er was nog wel animo voor...

Het was toch de juiste beslissing om nog effe te rijden,

zou later blijken, alvorens wij IOM rijders op pad gaan voor ons


Niet aan dovemansoren gericht...

Diverse rijders kwamen opdagen...

(Schmidtje met name ging mee maar ook net weer niet...Wat een kerel toch...

Hij moest zonodig weer een dame zijn kanon laten zien.)

Enfin de testrun zou immers binnendoor naar Wijk gaan...

Echter bij Werkhoven/Cothen werd de 1e vastloper
bij Kobus zijn "just-finished ST 1946" geconstateerd.

Jammer maar maar ja met alleen een

"cosmetische restauratie" - het blok liep immers goed -

kom je er blijkbaar toch net niet.

Er is dus nog wat meer te doen...

Enfin wij reden verder over de Lekdijk ri.Amerongen
"The Dandy Ridge Boys" hadden hun eigen plan getrokken
met hun net op tijd klaar zijnde Norton Flattankers...
zij reden ri. Vreeswijk.

Zij gingen, van horen zeggen..., allen redelijk goed op
een te kleine sproeier en een magdyno-probleem na.
(daar zijn geen foto's van!)

Rens "Met-Velocette-Meer-Pret"
wenste ons alvast een goede reis!

Uiteindelijk hebben na zo'n ca.75 km gereden te hebben
bij Jan Primus nog van een stevige engelse pint

London Pride ale
o.a. ons West Kent Run 2009 biertje genoten!


"warlord"

Mijn "brommer" is er nu echt klaar voor...

"De Vonkendoos"

Na uitgebreid dagen schroeven...

with a little help from my Friends,

zelf de nieuwe magneet monteren
en de ontsteking afstellen, doorsmeren,
o-liever-versen, olieleidingen,
koppelings kabel vervangen,
kettingen & koppeling checken,
gescheurde uitlaatdemper vervangen.

Kortom gewoon een kleine grote beurt,

en ikke straks hopenlijk ook!

nog een paar nachies slapen...en dan...

THE EVENT OF THE YEAR:

THE MANX GRAND PRIX 2009 Isle Of Man:


The Event of the Year 2009: Manx Grand Prix 2009 Isle of Man: Prologue & Part I

Ik ben binnen... soms nog in de schuur
en bij goed weer lig ik buiten achter de muur.

Maar een echte Vent Snurkt in zijn Tent!

Zonder een weinig fanatisme brengt niemand ooit iets tot stand.

“The harder the conflict, the more glorious the Triumph.”

Soms verrassend, maar altijd dichtbij


The Twin Man

Motoring George Spauwen


Sponsored by


"ลอเรนโซ" เตรียมแถลงอนาคตที่อินดีวีคหน้า

ฮอร์เก ลอเรนโซ ยอดนักบิดชาวสเปนจากทีมเฟียต-ยามาฮ่า เตรียมตัดสินอนาคตของตัวเองว่าจะอยู่ต่อสัญญากับต้นสังกัดเดิมออกไปหรือไม่ ในงานแถลงข่าวศึกอินเดียนาโพลิส จีพี ที่สหรัฐอเมริกา สัปดาห์หน้า หลังตกเป็นข่าวถูกดูคาติ ตามจีบไปร่วมทีม

ยอดนักบิดรุ่นโมโตจีพีวัย 22 ที่กำลังขับเคี่ยวแย่งแชมป์โลก กับวาเลนติโน เพื่อนร่วมทีมในปีนี้ เพิ่งจะตกเป็นข่าวถูกดูตาติ ทีมแข่งคู่ปรับพร้อมทุ่มค่าจ้างก้อนโตดึงตัวไปร่วมทีมในฤดูกาลหน้า หลังสัญญากับยามาฮ่ากำลังจะหมดหลังจบฤดูกาลนี้

ล่าสุดมีการเปิดเผยจาก มาร์กอส ฮิร์ช ผู้จัดการส่วนตัวของลอเรนโซ ผ่านเว็บไซต์ motogp.com นักบิดจอมบู๊กำลังพิจารณาข้อเสนอจาก 2 ทางในเวลานี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการเตรียมย้ายไปบิดให้กับดูคาติ ยอดทีมอิตาเลียนในฤดูกาลหน้า

"เวลานี้ทุกอย่างกำลังอยู่ในช่วงเจรจาซึ่งเราต้องพิารณาอย่างรอบคอบ ซึ่งทุกคนน่าจะได้ทราบกันในช่วงแข่งขันที่อินเดียนาโพลิส สหรัฐอเมริกาในสัปดาห์หน้า ว่าฮอร์เก จะอยู่กับทีมยามาฮ่าต่อไปหรือย้ายออกหลังจบซีซัน" ตัวแทนนัดบิดสแปนิชเผย

สำหรับลอเรนโซ รับค่าเหนื่อยจากยามาฮ่าในสัญญาฉบับปัจจุบันเพียง 2 ล้านยูโรต่อปี (ราว 96 ล้านบาท) ซึ่งน้อยกว่า "เดอะด็อกเตอร์" เพื่อนร่วมทีมถึง 7 เท่า ขณะที่ดูคาติ พร้อทจ่ายเงิน 8 ล้านยูโร (ราว 384 ล้านบาท) เป็นการล่อใจ

โดยศึกจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกสนามต่อไป จะไปแข่งขันกันที่อินเดียนาโพลิส มอเตอร์สปีดเวย์ ประเทศสหรัฐเอเมริกา โดยจะดวลความเร็วกันในช่วงดึงของคืนวันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม ตามเวลาประเทศไทย

ที่มา http://www.manager.co.th/

Thursday, August 20, 2009

ตลาดรวมรถจักรยานยนต์เริ่มต้นเดือน 7 ลดลง ผู้ผลิตโหมกลยุทธ์ชูกิจกรรม อัดแคมเปญหวังกระตุ้นยอดครึ่งปีหลัง

รายงานตลาดรถจักรยานยนต์ในเดือนแรกของครึ่งปีหลัง เริ่มต้นเดือนกรกฎาคมด้วยปริมาณยอดจดทะเบียน 138,898 คัน ซึ่งลดลง 13% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา หรือเมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน ลดลง 8% ซึ่งเป็นการลดลงหลังจากที่เดือนก่อนหน้าทำยอดขึ้นสุงสุดในรอบ 10 เดือน คาดการณ์เบื้องต้นเป็นผลเกี่ยวเนื่องจากปัจจัยทางฤดูกาล ที่โดยปกติยอดขายช่วงหน้าฝนมักจะลดต่ำลง ขณะที่ค่ายผู้นำอย่างฮอนด้า ยังคงมั่นใจเดินเกมต่อเนื่องชู 2 แคมเปญใหญ่สุดคุ้ม “ผ่อนสนุกขี่สบายกับอิออน” และแคมเปญ “คลิกแจกใหญ่ ได้ไม่ต้องลุ้น” หวังกระตุ้นตลาดครึ่งปีหลัง พร้อมเตรียมรองรับกลุ่มลูกค้าใหม่ในอนาคต วางหมากเดินหน้าเต็มสูบงัดกลยุทธ์นำเสนอความสนุกตลอดครึ่งปี เพื่อตอบสนองในทุกๆ ความต้องการให้สอดคล้องกับทุกไลฟสไตล์ของผู้บริโภค อย่างต่อเนื่อง

นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “นับตั้งแต่ต้นปี 2552 ที่ผ่านมา ตลาดรถจักรยานยนต์ไทย ต้องฝ่าฟันกับภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยเรื่องสภาพคล่องทางเศรษฐกิจโดยรวม และความไม่แน่นอนของการเมืองภายในประเทศ ซึ่งส่งผลให้ตลาดหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงเป็นไปในลักษณะการลดลงแบบชะลอตัว ซึ่งเมื่อดูตัวเลขตลาดรวมรถจักรยานยนต์ 7 เดือนแรก นับว่ามีอัตราเติบโตลดลงเล็กน้อย ด้วยปริมาณยอดจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 882,122 คัน ส่งผลให้การขยายตัวของตลาดมีอัตราลดลงเพียง 15% เมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามในช่วงครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าตลาดรถจักรยานยนต์จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง ด้วยปัจจัยเชิงบวกต่างๆ ที่จะกลับเข้ามาช่วยเสริม ทั้งปัจจัยเรื่องเศรษฐกิจที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับผู้บริโภคเริ่มมีความมั่นใจในสถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มคลี่คลายและมีเสถียรภาพมากขึ้นจากช่วงที่ผ่านมา รวมถึงกิจกรรมทางการตลาดที่ค่ายผู้ผลิตต่างทยอยนำเสนอออกมากระตุ้นตลาด ซึ่งปัจจัยต่างๆ เหล่านี้จะสะท้อนถึงสัญญาณที่ดีของทิศทางตลาดรถจักรยานยนต์ในบ้านเราอีกครั้ง”

โดยค่ายผู้นำอย่างฮอนด้า เริ่มต้นส่งกิจกรรมมากระตุ้นตลาดในครึ่งปีหลัง ด้วยการผลักดัน 2 แคมเปญส่งเสริมการขายยักษ์ใหญ่ “ผ่อนสนุกขี่สบาย...กับอิออน” และแคมเปญ “คลิกแจกใหญ่ ได้ไม่ต้องลุ้น” ให้ช่วยเป็นทางเลือกในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ประกอบกับการโหมทำกิจกรรมทางการตลาด สร้างความต่อเนื่องให้กับแคมเปญ C’mon Let’s Have Fun ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมการเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ ในการแข่งขันฟุตบอลระหว่างทีมสโมสรระดับโลก “ลิเวอร์พูล” กับทีมชาติไทย และกิจกรรมที่สร้างปรากฏการณ์คลื่นมหาชนในมหกรรมดนตรีริมทะเล Honda Click i Reggae on the Rock ที่ส่งสัญญาณการตอบรับที่ดีล้นหลามจากประชาชนกว่าแสนคนทั่วประเทศที่มาร่วมงาน นับว่าทั้ง 2 แคมเปญ และ 2 กิจกรรมใหญ่ดังกล่าวช่วยรักษาสภาพตลาดและเป็นการการันตีฐานผู้ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้าได้เป็นอย่างดี ส่วนแนวโน้มของสภาพตลาดไตรมาส 3 นี้เป็นต้นไป คาดว่าค่ายผู้ผลิตรายใหญ่ๆ จะยังคงนำเสนอกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าตลาดโดยรวมจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น มีความคึกคัก และมีความตื่นตัวสูงขึ้นจากครึ่งปีแรก ซึ่งนับเป็นภาพของสัญญาณที่ดีแก่การเริ่มต้นตลาดครึ่งปีหลัง

สำหรับรายละเอียดของยอดการจดทะเบียนในเดือนแรกของครึ่งปีหลังนี้ ปรากฏว่ารถจักรยานยนต์แบบเกียร์อัตโนมัติ หรือแบบ เอ.ที. ขึ้นมาได้รับความนิยมสุงสุด ด้วยปริมาณยอดจดทะเบียนเดือนกรกฎาคม 66,802 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 48% ในขณะที่รถจักรยานยนต์แบบครอบครัว แม้ว่าในเดือนนี้จะมียอดการจดทะเบียนที่น้อยกว่ารถแบบ เอ.ที แต่ก็ต่างกันในสัดส่วนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยรถจักรยานยนต์แบบครอบครัว มีปริมาณยอดจดทะเบียนเดือนกรกฎาคม 66,646 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 48% แต่หากนับปริมาณยอดจดทะเบียนโดยรวม 7 เดือน นับตั้งแต่ต้นปีมกราคมรถจักรยานยนต์แบบครอบครัวยังคงมีปริมาณยอดจดทะเบียนมากที่สุดถึง 435,321 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 49% และยังคงครองความนิยมเป็นประเภทรถจักรยานยนต์ที่มียอดขายสูงสุดอย่างยาวนาน

ส่วนรถประเภทอื่นๆ มีรายละเอียดยอดการจดทะเบียนสะสมตั้งแต่ครึ่งปีแรกจนถึงเริ่มเดือนแรกของครึ่งปีหลัง ดังนี้ คือ รถแบบ เอ.ที. มีปริมาณ 411,405 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 47%, รถแบบครอบครัวกึ่งสปอร์ต 21,674 คัน สัดส่วนตลาด 2%, รถแบบสปอร์ต 6,684 คัน สัดส่วนตลาด 1% และรถประเภทอื่นๆ 7,038 คัน สัดส่วนตลาด 1%

ในขณะที่หากแบ่งแยกเป็นยอดจดทะเบียนตามประเภทของผู้ผลิต รถจักรยานยนต์ฮอนด้า 582,443 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 66%, ยามาฮ่า 245,872 คัน อัตราครองตลาด 28%, ซูซูกิ 38,076 คัน อัตราครองตลาด 4%, คาวาซากิ 7,935 คัน อัตราครองตลาด 1%, เจอาร์ดี 863 คัน, แพล็ตตินั่ม 600 คัน, ไทเกอร์ 473 คัน และอื่นๆ 5,860 คัน

Wednesday, August 19, 2009

The M18 cranckshaft



Picked up the 1928 M18 cranckshaft yesterday. A new big end from Alpha Bearings was fitted, a new small end was made, and at the same time the opportunity was taken to dynamically balance the cranckshaft. While the Norton factory certainly did a very good job in the 1920s, things have improved; Bob van der Zijden uses decades of experience and computer-assisted equipment to spin the cranck and measure the unbalance. In the case of my cranck, 15 and 20 grams were removed from respectively the left- and right-hand side of the cranck; which apparently is still quite a lot on a cranck that weighs in at 13 kilo's; you can see the two holes that were drilled to remove metal close to the bigend-nut. This should result in much less vibration, higher revs and increased speed!

Surpriseparty Lex 50




"General Alex von Schmittenhoven"



Lex Schmidt

1959 - 2009 = 50 jaar

Vriend: Lex wanneer krijg je nou Alzheimer

Lex tegen dame : Wil je mijn kanon zien



18 augustus was het dan zover...


In het diepste geheim is er voor Lex een Surpriseparty georganiseerd.

So Stay Tuned!
Leuke Foto's opsturen naar:



Ik ben binnen... nu druk in de schuur

en bij goed weer lig ik soms buiten achter de muur.

Zonder een weinig fanatisme brengt niemand ooit iets tot stand.


Soms verrassend, maar altijd dichtbij!

The Twin man

Motoring George Spauwen

Sponsored by