Friday, July 31, 2009
Thursday, July 30, 2009
CS1 Norton
Rob's got a new one! It's an early CS1 Norton. The frame was found by the previous owner in Kent and apparently is of 1928 vintage. The engine is a year younger, reimported from the USA. The previous owner spent around twenty years gathering all the parts before offering the lot to Rob for him to assemble. Rob is 'as happy as a pig in mud' with his new toy! He should be, this is one of the nicest Nortons to be had.
ยามาฮ่าร่วมส่ง 2 นักกีฬาทีมชาติไทย เข้าร่วมการแข่งขัน ฟุตวอลเลย์ระดับโลก
คุณพรสรรค์ กำลังเอก นายกสมาคมฟุตวอลเลย์ (นั่งกลาง) ดร.กันทิมา กุญชร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ทรูวิชั่นส์ (นั่งขวา) และคุณอัญชลี ศรีพิทักษ์ ตัวแทนจาก บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด (นั่งซ้าย) ร่วมถ่ายภาพ และให้กำลังใจกับคณะผู้ฝึกสอน และนักกีฬา เพื่อเข้าแข่งขันในรายการ “โอเพ่น อินเตอร์เนชั่นแนล ฟุตวอลเลย์2009” ณ เมืองมาร์กเซย์ ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 30 ก.ค. – 2 ส.ค. นี้
เพิ่มเติม http://www.yamaha-motor.co.th/News/View.aspx?ID=1004
เพิ่มเติม http://www.yamaha-motor.co.th/News/View.aspx?ID=1004
มอบแล้ว! รถจักรยานยนต์ฮอนด้าคลิกไอ ลายเซ็นลิเวอร์พูล คันเดียวในโลก
รถจักรยานยนต์คันเดียวในโลก: ดร. อรรณพ พรประภา รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด มอบรถจักรยานยนต์ฮอนด้าคลิกไอ มีเพียงคันเดียวในโลกเท่านั้น ที่มีลายเซ็นต์นักฟุตบอลทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล มอบให้กับแฟนบอลชาวไทยผู้โชคดี คุณพรชิตา ธรรมสังวาลย์ ผ่านรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3
เพิ่มเติม http://www.aphonda.co.th/2009/2009_page120.asp?id=2085
เพิ่มเติม http://www.aphonda.co.th/2009/2009_page120.asp?id=2085
Wednesday, July 29, 2009
A Triumph Speed Twins ride out...
Motoring George for his first "ride out" to his "Trump(PR)ettreffen" on his "Vintage pre-war Fireblade",the Triumph Speed Twin 5T 500 cc 1939. 1939-2009 = 70 years old & fast...and still going strong!
Foto: Paul Romijn
Dat was dus in 2000...
Nu zo'n negen jaren later dan....
29 juli 2009
gingen Kobus & MGS effe een avondtestrun rijden
op de Speed Twins...
Links de 1946 Triumph Speed Twin 5T
500 cc met telescoop vork,
Rechts de 1939 pre-war Triumph Speed Twin 5T
500 cc met girder fork.
Hier voorlopig nog met de "oude" tank
The back side-views...
Het blijven gewoon leuke snelle machines....
de brandweer...
kortom
Wereldse Motorfietsen!
Ik ben binnen... in de schuur
en bij goed weer lig ik soms buiten
achter de muur.
Zonder een weinig fanatisme brengt niemand ooit iets tot stand.
You can leave it all behind on a Triumph '39.
“The harder the conflict, the more glorious the triumph.”
Thomas Paine
Soms verrassend, maar altijd dichtbij
The Twin man
Motoring George Spauwen
Sponsored by
Victrace Sitebuilding
Victrace Sitebuilding
วาเลนติโน่ รอสซี่ บิด M1 เข้าอันดับ 5 แต่คะแนนสะสมยังคงนำโด่งต่อไป
ศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก “MotoGP 2009” สนามที่ 10 จัดขึ้น ณ สนามแข่งโดนิงตันปาร์ค ประเทศอังกฤษ ตัวแปรสำคัญในสนามนี้อยู่ที่สภาพอากาศมีฝนตกลงมาเป็นอุปสรรคต่อการแข่งขันอย่างยิ่ง โดยสองนักแข่งทีมยามาฮ่าเฟี๊ยต ต่างพลาดล้มด้วยกันทั้งคู่ แต่ “เดอะด็อกเตอร์” วาเลนติโน่ รอสซี่ ยังนำรถเข้าแข่งขันต่อได้และจบด้วยอันดับที่ 5 อย่างไรก็ดี ยามาฮ่ายังรั้งตำแหน่งบนโพเดี้ยมได้ทุกสนาม 100% เมื่อ คอลิน เอ็ดเวิร์ด ทีมยามาฮ่า Tech3 ฟอร์มเยี่ยม คว้าอันดับ 2 มาครอง เมื่อรวมคะแนนสะสม รอสซี่ยังครองอันดับ 1 ด้วยคะแนน 187 แต้ม ส่วนลอเรนโซ่ก็ยังรั้งอันดับ 2 มี 162คะแนน
หากไม่นับสภาพอากาศ 2 นักบิดยามาฮ่าเฟี๊ยตทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตั้งแต่วันซ้อม ก่อนรอสซี่จะนำยามาฮ่า YZR-M1ควอลิฟายมาเป็นอันดับ 1 ด้วยเวลา 1 นาที 28.116 วินาที แม้จะมีปัญหาเรื่องยาง ส่วนลอเรนโซ่ก็ไม่ธรรมดา ติดปัญหาเรื่องยางควอลิฟายเช่นกัน แต่ท้ายสุด ก็ยังออกสตาร์ทในอันดับ 3 เวลา 1 นาที 28.402 วินาที ดูแล้วน่าจะเป็นอีกหนึ่งเกมที่สนุกเร้าใจอย่างแน่นอน
แต่เอาเข้าจริง ปรากฏว่ามีฝนตกลงมา แม้จะหยุดแล้ว แต่แทร็คยังหมาด และอาจมีฝนตกได้ทุกเมื่อ ทำให้ทีมมีปัญหาเรื่องการเลือกยางพอสมควร เกมออกสตาร์ทมา “เดอะด็อกเตอร์” รอสซี่ ทะยานเข้าโค้งแรกได้ก่อนใคร แต่สภาพสนามที่ยังชื้น ทำให้รอสซี่ไม่กล้าขับขี่เต็มที่ เป็นโอกาสให้กลุ่มหลังไล่บวกจนโทนี่ อิไลอัส แซงขึ้นมานำเป็นจ่าฝูงเมื่อจบรอบแรก ตามด้วยลอเรนโซ่ และรอสซี่ ถัดจากนั้นมาอีก 2-3 รอบ ตำแหน่ง 5 อันดับแรกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จนถึงรอบที่ 5 ลอเรนโซ่ได้จังหวะแซงขึ้นมาเป็นผู้นำ ส่วนรอสซี่ก็สวนแดเนี่ยล เปโดรซ่า และอังเดร โดวิซิโอโซ่ ขึ้นมาเป็นอันดับ 2 เกมดูจะเป็นหนังม้วนเดิมอีกครั้งจนถึงรอบที่ 9 ลอเรนโซ่ไหลออกไปทับเส้นขาวช่วงขาออกโค้งสุดท้าย ลื่นล้ม ต้องออกจากการแข่งขันไปอย่างน่าเสียดาย
คู่ชิงจึงตกอยู่กับรอสซี่ และโดวิซิโอโซ่ ซึ่งทั้งคู่บวกหนีกลุ่มหลังได้อย่างน่ากลัว กระทั่งรอบท้ายๆ จุดเปลี่ยนก็เกิดขึ้น เมื่อฝนเริ่มปรอยลงมา ทำให้ในรอบที่ 20 รอสซี่ล้มพับในโค้งซะดื้อๆ แต่ยังนำรถกลับเข้าแข่งขันต่อได้ แต่อันดับร่วงไปอยู่ที่ 11หลังจากนั้น ฝนก็ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ จนนักแข่งบางคนตัดสินใจเข้าพิทเพื่อเปลี่ยนยางน้ำ แต่รอสซี่ไม่เปลี่ยน ก่อนแซงเจมส์ โทสแลนด์ คว้าอันดับ 5 มาครอง แม้สนามนี้รอสซี่ไม่สามารถคว้าแชมป์มาครอง แต่ตัวเต็งคนอื่นก็ทำอันดับได้ไม่ดีเช่นกัน โดยแชมป์ตกเป็นของโดวิซิโอโซ่ อันดับ 2 คอลิน เอ็ดเวิร์ด นักบิดสังกัดยามาฮ่า Tech3 และอันดับ 3 แรนดี้ เดอ ปูเนี๊ยต
เดอะด็อกเตอร์ รอสซี่ ยังมีคะแนนสะสมนำเป็นจ่าฝูง ทิ้งห่างอันดับสองลอเรนโซ่ 25 แต้ม ทิ้งสโตนเนอร์อันดับ 3 ถึง 37แต้ม ส่วนอันดับ 4 เปโดรซ่า ก็โดนทิ้งห่างถึง 72 แต้มเลยทีเดียว ซึ่งรอสซี่ให้สัมภาษณ์ว่า “ในจังหวะที่ลอเรนโซ่ล้ม ผมคิดว่าตำแหน่งแชมป์ไม่น่าจะหนีไปไหน แต่ภายใต้สภาพอากาศที่ไม่สามารถกำหนด อะไรก็เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะในช่วงที่ผมแซงโดวิซิโอโซ่ การขับขี่ภายใต้สถานการณ์ฝนตกด้วยยางสลิคเป็นอะไรที่เสี่ยงมาก โค้งซ้ายที่เราล้มเป็นจังหวะใช้หน้ายางเย็นสัมผัสพื้น ทำให้ผมลื่นล้ม โชคดีที่ผมล้มเบาๆ รถไม่เสียหายมาก ทำให้ขับขี่ได้ต่อ และผมไม่ตัดสินใจเปลี่ยนยาง ทำให้เราคว้า11 คะแนนมาได้ สุดท้ายผมขอแสดงความยินดีกับโดวิซิโอโซ่ โดยเฉพาะเอ็ดเวิร์ด เขาขับขี่ได้เยี่ยมยอดมาก”
ทางด้านลอเรนโซ่ก็ออกมากล่าวถึงเกมว่า “ผมออกสตาร์ทได้ดี ขับขี่ได้ดีในรอบแรกๆ และไม่รู้สึกกดดันเมื่อขึ้นนำ น่าผิดหวังที่โค้งสุดท้ายของรอบ 9 ผมทำพลาดนิดหน่อย ขี่ไลน์ผิด ทำให้รถวิ่งทับเส้นขาวที่ลื่นมาก และผมไม่สามารถควบคุมรถได้แล้วรถเสียหายมาก ต้องออกจากการแข่งขัน แน่นอนว่าผมทั้งผิดหวัง และเสียใจ วันนี้ไม่ใช่วันของเรา ช่วงวันหยุดผมจะพักผ่อนอย่างเต็มที่ และกลับมาแข่งขันอีกด้วยศักยภาพที่สูงกว่านี้ที่เบอร์โน่”
เพิ่มเติม http://www.yamaha-motor.co.th/News/View.aspx?ID=1003
หากไม่นับสภาพอากาศ 2 นักบิดยามาฮ่าเฟี๊ยตทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตั้งแต่วันซ้อม ก่อนรอสซี่จะนำยามาฮ่า YZR-M1ควอลิฟายมาเป็นอันดับ 1 ด้วยเวลา 1 นาที 28.116 วินาที แม้จะมีปัญหาเรื่องยาง ส่วนลอเรนโซ่ก็ไม่ธรรมดา ติดปัญหาเรื่องยางควอลิฟายเช่นกัน แต่ท้ายสุด ก็ยังออกสตาร์ทในอันดับ 3 เวลา 1 นาที 28.402 วินาที ดูแล้วน่าจะเป็นอีกหนึ่งเกมที่สนุกเร้าใจอย่างแน่นอน
แต่เอาเข้าจริง ปรากฏว่ามีฝนตกลงมา แม้จะหยุดแล้ว แต่แทร็คยังหมาด และอาจมีฝนตกได้ทุกเมื่อ ทำให้ทีมมีปัญหาเรื่องการเลือกยางพอสมควร เกมออกสตาร์ทมา “เดอะด็อกเตอร์” รอสซี่ ทะยานเข้าโค้งแรกได้ก่อนใคร แต่สภาพสนามที่ยังชื้น ทำให้รอสซี่ไม่กล้าขับขี่เต็มที่ เป็นโอกาสให้กลุ่มหลังไล่บวกจนโทนี่ อิไลอัส แซงขึ้นมานำเป็นจ่าฝูงเมื่อจบรอบแรก ตามด้วยลอเรนโซ่ และรอสซี่ ถัดจากนั้นมาอีก 2-3 รอบ ตำแหน่ง 5 อันดับแรกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จนถึงรอบที่ 5 ลอเรนโซ่ได้จังหวะแซงขึ้นมาเป็นผู้นำ ส่วนรอสซี่ก็สวนแดเนี่ยล เปโดรซ่า และอังเดร โดวิซิโอโซ่ ขึ้นมาเป็นอันดับ 2 เกมดูจะเป็นหนังม้วนเดิมอีกครั้งจนถึงรอบที่ 9 ลอเรนโซ่ไหลออกไปทับเส้นขาวช่วงขาออกโค้งสุดท้าย ลื่นล้ม ต้องออกจากการแข่งขันไปอย่างน่าเสียดาย
คู่ชิงจึงตกอยู่กับรอสซี่ และโดวิซิโอโซ่ ซึ่งทั้งคู่บวกหนีกลุ่มหลังได้อย่างน่ากลัว กระทั่งรอบท้ายๆ จุดเปลี่ยนก็เกิดขึ้น เมื่อฝนเริ่มปรอยลงมา ทำให้ในรอบที่ 20 รอสซี่ล้มพับในโค้งซะดื้อๆ แต่ยังนำรถกลับเข้าแข่งขันต่อได้ แต่อันดับร่วงไปอยู่ที่ 11หลังจากนั้น ฝนก็ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ จนนักแข่งบางคนตัดสินใจเข้าพิทเพื่อเปลี่ยนยางน้ำ แต่รอสซี่ไม่เปลี่ยน ก่อนแซงเจมส์ โทสแลนด์ คว้าอันดับ 5 มาครอง แม้สนามนี้รอสซี่ไม่สามารถคว้าแชมป์มาครอง แต่ตัวเต็งคนอื่นก็ทำอันดับได้ไม่ดีเช่นกัน โดยแชมป์ตกเป็นของโดวิซิโอโซ่ อันดับ 2 คอลิน เอ็ดเวิร์ด นักบิดสังกัดยามาฮ่า Tech3 และอันดับ 3 แรนดี้ เดอ ปูเนี๊ยต
เดอะด็อกเตอร์ รอสซี่ ยังมีคะแนนสะสมนำเป็นจ่าฝูง ทิ้งห่างอันดับสองลอเรนโซ่ 25 แต้ม ทิ้งสโตนเนอร์อันดับ 3 ถึง 37แต้ม ส่วนอันดับ 4 เปโดรซ่า ก็โดนทิ้งห่างถึง 72 แต้มเลยทีเดียว ซึ่งรอสซี่ให้สัมภาษณ์ว่า “ในจังหวะที่ลอเรนโซ่ล้ม ผมคิดว่าตำแหน่งแชมป์ไม่น่าจะหนีไปไหน แต่ภายใต้สภาพอากาศที่ไม่สามารถกำหนด อะไรก็เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะในช่วงที่ผมแซงโดวิซิโอโซ่ การขับขี่ภายใต้สถานการณ์ฝนตกด้วยยางสลิคเป็นอะไรที่เสี่ยงมาก โค้งซ้ายที่เราล้มเป็นจังหวะใช้หน้ายางเย็นสัมผัสพื้น ทำให้ผมลื่นล้ม โชคดีที่ผมล้มเบาๆ รถไม่เสียหายมาก ทำให้ขับขี่ได้ต่อ และผมไม่ตัดสินใจเปลี่ยนยาง ทำให้เราคว้า11 คะแนนมาได้ สุดท้ายผมขอแสดงความยินดีกับโดวิซิโอโซ่ โดยเฉพาะเอ็ดเวิร์ด เขาขับขี่ได้เยี่ยมยอดมาก”
ทางด้านลอเรนโซ่ก็ออกมากล่าวถึงเกมว่า “ผมออกสตาร์ทได้ดี ขับขี่ได้ดีในรอบแรกๆ และไม่รู้สึกกดดันเมื่อขึ้นนำ น่าผิดหวังที่โค้งสุดท้ายของรอบ 9 ผมทำพลาดนิดหน่อย ขี่ไลน์ผิด ทำให้รถวิ่งทับเส้นขาวที่ลื่นมาก และผมไม่สามารถควบคุมรถได้แล้วรถเสียหายมาก ต้องออกจากการแข่งขัน แน่นอนว่าผมทั้งผิดหวัง และเสียใจ วันนี้ไม่ใช่วันของเรา ช่วงวันหยุดผมจะพักผ่อนอย่างเต็มที่ และกลับมาแข่งขันอีกด้วยศักยภาพที่สูงกว่านี้ที่เบอร์โน่”
เพิ่มเติม http://www.yamaha-motor.co.th/News/View.aspx?ID=1003
The Engelhardt M18 racer
Another very special M18; 1930, as identified by the engine with the enclosed rockers and the Mk V B&L oilpump. Someone converted the frame to 'cradle specification', fitting engine plates underneath the engine and extra frame tubes to connect these engine plates to the lugs originally meant to fit the rear stand; nice!
Hi John -nice to see a photo of this bike on your recent blog. I have come across this before - in New Zealand, at the Pukekohe Classic meeting a few years ago. It looks extremely scruffy and goes like a scalded cat. Despite its fairly orthodox appearance (apart from the torque stays) Christian Engelhardt is a very clever bloke and the engine containes his own home made flywheels and cams. As I remember, he had made a vernier arrangement for each cam and arrived thereby at optimum timing figures from the performance point of view. He shipped it out to New Zealand for the meeting and there was a certain amount of merriment by the locals at its appearance and even doubt that it would pass scrutineering. However the merriment faded when he got it going in practise: it was miles faster than any of the Vintage bikes running and I well recall it thrashing down the finishing straight about 100 yards ahead of Ken McIntosh on his '37 Model 30!- Cheers Simon
Tuesday, July 28, 2009
Norton M18 crankshaft bearings
Finding new bearings for the M18 did turn out to be a hassle; it's an obsolete size at 22x50x17 mm. It took begging and substantial sums of money to get the sets I now have; an overview!
On both the side valve (SV) and the overhead valve (OHV) models, a single row roller bearing was used at the drive side; similar to the one in the top picture. SKF order numbers were W6000, nowadays the bearing is known as RMC22L.
The SV used a single row ball race bat the timing side; identified by the SKF number W5162 but better known as MC22; the bearing in the middle pic. The OHV often used a double row self-aligning ball race at the timing side, identified by the number 11494a; in the bottom pic.
In the past people may have used whatever they could lay their hands on; my M18 had a single row ball race MC22 fitted on both sides which worked perfectly fine for a very long time.
Monday, July 27, 2009
หนึ่งเดียวในโลก Click i Liverpool
หนึ่งเดียวในโลก: บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ตอบรับกระแสความสนุกครั้งใหม่ ทุ่มเอาใจคอบอลชาวไทยโดยเฉพาะ เนรมิตรถจักรยานยนต์ฮอนด้าคลิกไอรุ่นพิเศษ ที่มีลายเซ็นต์นักฟุตบอลทีมลิเวอร์พูล ให้กับแฟนบอลและแฟนๆ ชาวเดอะค๊อบทั่วประเทศ โดยรถจักรยานยนต์ฮอนด้าคันพิเศษดังกล่าวนี้ มีเพียงคันเดียวในโลกเท่านั้น ซึ่งได้เปิดโอกาสให้แฟนบอลทั่วประเทศร่วมสนุกลุ้นรถจักรยานยนต์ฮอนด้าคลิกไอรุ่นพิเศษ ลายเซ็นต์นักฟุตบอลทีมลิเวอร์พูลนี้ ผ่านรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 ที่ผ่านมา
เพิ่มเติม http://www.aphonda.co.th/2009/2009_page119.asp?id=2084
เพิ่มเติม http://www.aphonda.co.th/2009/2009_page119.asp?id=2084
โครงการ สถานีมอเตอร์ไซค์ น้ำใจงาม ถวายพ่อหลวง
นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานรับมอบ/และเปิดสถานีมอเตอร์ไซค์ น้ำใจงาม ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระชนมพรรษา ๘๔ พรรษา แห่งแรก ณ ส่วนป่าวิภาวดี จากบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ กรุงเทพมหานคร โดยมีผู้ช่วยฯ ที่ปรึกษารมว. อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ร่วมเปิดตัว พร้อมปล่อยวินมอเตอร์ไซด์น้ำใจงามที่ผ่านการฝึกอบรมแล้วรุ่นแรกจำนวน 200 คน
นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากข้อมูลสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนในปัจจุบันพบว่า อุบัติเหตุที่เกิดจากรถจักรยานยนต์มีตัวเลขสูงถึงปีละประมาณ 9,000 ราย คิดเป็น 70% ของอุบัติเหตุทั้งหมด ดังนั้นเพื่อป้องกันการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินจากอุบัติเหตุบนท้องถนนของผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงร่วมกับ กรุงเทพมหานคร บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สมาคมประกันวินาศภัย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมธุรกิจประกันภัย มุ่งสร้างความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนที่ใช้บริการรถจักรยานยนต์รับจ้าง ภายใต้โครงการ “สถานีมอเตอร์ไซค์ น้ำใจงาม ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระชนมพรรษา 84 พรรษา” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พ่อหลวงของเรา เนื่องในวโรกาสที่พระองค์ท่านมีพระชนม์มายุครบ 84 พรรษา โดยจัดหลักสูตรการเรียนรู้และเข้าใจถึงหลักการใช้รถใช้ถนนอย่างถูกต้องและปลอดภัย สร้างจิตสำนึกในการให้บริการ เคารพกฎจราจร มีน้ำใจขับขี่ปลอดภัยเอื้อเฟื้อแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน นอกจากนี้ยังจัดกิจกรรม ส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับวิน มอเตอร์ไซค์และร่วมรณรงค์ลดอุบัติเหตุบนท้องถนนอย่างยั่งยืนด้วย
นายไพฑูรย์ แก้วทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า จากข้อมูลสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนในปัจจุบันพบว่า อุบัติเหตุที่เกิดจากรถจักรยานยนต์มีตัวเลขสูงถึงปีละประมาณ 9,000 ราย คิดเป็น 70% ของอุบัติเหตุทั้งหมด ดังนั้นเพื่อป้องกันการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินจากอุบัติเหตุบนท้องถนนของผู้ใช้บริการและผู้ให้บริการ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน จึงร่วมกับ กรุงเทพมหานคร บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สมาคมประกันวินาศภัย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมธุรกิจประกันภัย มุ่งสร้างความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนที่ใช้บริการรถจักรยานยนต์รับจ้าง ภายใต้โครงการ “สถานีมอเตอร์ไซค์ น้ำใจงาม ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระชนมพรรษา 84 พรรษา” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พ่อหลวงของเรา เนื่องในวโรกาสที่พระองค์ท่านมีพระชนม์มายุครบ 84 พรรษา โดยจัดหลักสูตรการเรียนรู้และเข้าใจถึงหลักการใช้รถใช้ถนนอย่างถูกต้องและปลอดภัย สร้างจิตสำนึกในการให้บริการ เคารพกฎจราจร มีน้ำใจขับขี่ปลอดภัยเอื้อเฟื้อแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน นอกจากนี้ยังจัดกิจกรรม ส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับวิน มอเตอร์ไซค์และร่วมรณรงค์ลดอุบัติเหตุบนท้องถนนอย่างยั่งยืนด้วย
นายสมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด เปิดเผยว่า ทางบริษัทกลางฯ ร่วมกับสมาคมประกันวินาศภัย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยได้ดำเนินการจัดทำสถานีมอเตอร์ไซค์ น้ำใจงาม ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระชนมพรรษา 84 พรรษา จำนวน 84 สถานี และมอบให้กับกรุงเทพมหานคร จำนวน 60 สถานี เพื่อติดตั้งสถานีใน 50 เขตที่คัดเลือก ขนาดสถานีมอเตอร์ไซค์ กว้าง 4 เมตร ลึก 2.70 เมตร มีไฟส่องสว่าง มีที่นั่งสำหรับประชาชน มีบอร์ดติดรูปถ่ายของผู้ขับขี่ในวินฯทุกคน ติดราคาค่าโดยสารตามระยะทาง ที่แขวนหมวกนิรภัย สำหรับผู้โดยสาร บอร์ดประชาสัมพันธ์สำหรับสิทธิประโยชน์ตาม พ.ร.บ. เมื่อประสบอุบัติเหตุจากรถจะได้รับความคุ้มครองเท่าไร และต้องทำอย่างไร อีกทั้งยังมีกิจกรรม สุภาพบุรุษวินมอเตอร์ไซค์ เพื่อค้นหาสุภาพบุรุษวินมอเตอร์ไซค์ที่ให้บริการดี ไม่มีการร้องเรียนจากผู้ใช้บริการ กิจกรรมสถานีมอเตอร์ไซค์สะอาด ปลอดภัย เพื่อค้นหาสถานีมอเตอร์ไซค์ที่ดูแลรักษา ให้สถานีฯ สะอาด ปลอดภัย ดูแลรักษาเป็นอย่างดี นอกจากนี้ในปี 2553 จะขยายผลการดำเนินการในพื้นที่ปริมณฑลและต่างจังหวัดอีก 24 สถานี รวมพื้นที่ดำเนินโครงการ 84 สถานี
นายนคร ศิลปอาชา อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดเผยว่า ในส่วนของกรมฯ รับหน้าที่ฝึกอบรมผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เน้นนำทักษะและความรู้จากการอบรมมาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยได้มอบหมายให้ศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานกรุงเทพมหานครดำเนินการฝึกอบรมให้แก่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างในเขตกรุงเทพมหานครจาก 50 เขต โดยในปี 2552 จัดฝึกอบรม 15 รุ่น 15 เขต จำนวนรุ่นละ 200 คน รวม 3,000 คน และในปี 2553 จะจัดฝึกอบรมเพิ่มจนครบ 50 เขต โดยใช้พื้นที่การอบรมของกรุงเทพมหานคร
สำหรับการฝึกอบรมรุ่นแรก นำร่องให้กับวินมอเตอร์ไซด์ เขตดินแดงจำนวน 200 คน หัวข้อสิทธิประโยชน์ของ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 การรับมือเมื่อประสบภัยจากรถ หลักการทำงานแบบมีส่วนร่วมในสังคม โดยมี คุณคริสโตเฟอร์ แจ็ค เบญจกุล ผู้ที่มีประสบการณ์จากอุบัติเหตุทางรถยนต์โดยตรงเป็นวิทยากรให้ข้อคิดและแลกเปลี่ยนประสบการณ์
ในตอนท้าย ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ในส่วนของกรุงเทพมหานครนั้น ได้สนับสนุนจัดหากลุ่มเป้าหมาย สถานที่ฝึกอบรม อำนวยความสะดวกในการติดตั้งสถานีมอเตอร์ไซค์ โดยพิจารณาจุดที่มีความพร้อมตั้งสถานีซึ่งต้องไม่กีดขวางการจราจร ดำเนินการนำร่องเขตละ 1 จุด รวม 60 จุด ทั่วกรุงเทพฯ จุดแรกที่ได้มีการเปิดตัวสถานี คือ สวนป่าวิภาวดีรังสิต หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 ถนนมิตรไมตรี ส่วนจุดอื่นๆ ต้องพิจารณาความเหมาะสมของพื้นที่ต่อไป คาดว่าจะสร้างเสร็จทั่วกรุงเทพฯ ภายในสิ้นปีนี้
เพิ่มเติม http://www.dsd.go.th/index.php?option=com_content&view=article&catid=1%3Aciafss&id=948%3A-1-&lang=th
'เด็กแว้น' ชีวิตติดหล่ม
วันที่พ่อแม่มีความสุขหลังจากซื้อรถมอเตอร์ ไซค์ให้ลูกตามคำขอ คล้อยหลังไม่นานก็รู้สึกผิด หลังจากลูกซิ่งมอเตอร์ไซค์จนเสียชีวิต บทเรียนราคาแพงที่แลกมาด้วยชีวิต กี่หยาดน้ำตาต้องเสียใจเพราะมารู้ทีหลังว่า ลูกเป็น “เด็กแว้น” แต่ยังมีเด็กรุ่นใหม่เข้ามาวงการนี้ ไม่หยุดหย่อน ต่อแถวเพื่อก้าวไปสู่การเป็น “ตัวขี่” ซึ่งได้รับการยอมรับจากนักบิดสนามเถื่อน
ดูเหมือนปัญหา “เด็กแว้น” กับสังคมไทยเรื้อรังมานานและทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่สังคมตีตราสิงห์นักบิดเหล่านี้ ไม่ต่างจากขยะสังคม ความจริง เด็กพวกนี้ชีวิตอาจกำลังติดหล่ม รอคอยให้ผู้ใหญ่ฉุดเขาขึ้นไปสู่สิ่งที่ดีกว่า หากย้อนกลับไปมีความพยายามของหลายหน่วยงานยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ แต่ไม่นานก็หายไป 5 ปี กับการเป็นเด็กแว้น ชอบท้าประลองความเร็วบนถนนย่านเพชรเกษมและพุทธมณฑล ก้าวมาสู่ “ตัวขี่” ซึ่งเด็กแว้นใช้เรียกนักขับฝีมือดีอย่าง เช่น โอ (นามสมมุติ) วัย 25 ปี เล่าว่า ตอนแรกไม่มีรถก็อาศัยซ้อนรุ่นพี่ก่อน พอหลังจากนั้นก็ขอให้แม่ซื้อรถให้และเริ่มแต่งรถอย่างจริงจัง แรงจูงใจคือ ต้องการให้เพื่อน ๆ ในกลุ่มยอมรับและอยากมีชื่อเสียงในหมู่เด็กแว้น
คุณสมบัติของ “ตัวขี่” น้ำหนักตัวต้องเบา ขับรถไม่ประมาท ที่สำคัญใจต้องถึง วันแข่งส่วนใหญ่เป็นวันศุกร์, เสาร์ เวลากลางคืน โดยการแข่งมี 2 แบบคือ แบบแรก ระยะที่ยังไม่มีชื่อเสียงจะใช้รถตัวเองขี่ โดยตระเวนไปกับเพื่อนประมาณ 10 คัน ขับวนไปในสถานที่ต่าง ๆ ที่มีการแข่งประจำ พอไปเจอฝ่ายตรงข้ามจึงพยายามสังเกตตัวรถและเสียงเครื่องยนต์ หากมองดูแล้วสามารถสู้ได้ก็จะท้าประลอง อาจมีเงินเดิมพันหรือไม่มีก็แล้วแต่จะตกลงกัน ย่านบางใหญ่ จ.นนทบุรี เป็นพื้นที่เถื่อนสุด เพราะหลายครั้งไปแข่งแล้วตนชนะ ฝ่ายตรงข้ามไม่ยอมจ่ายเงินเดิมพัน แต่กลับใช้ปืนยิงขึ้นฟ้าหรือยิงใส่คนอื่น
แบบที่ 2 เมื่อเริ่มมีชื่อ ร้านแต่งรถจะโทรฯ มาตามให้ไป ขี่รถของร้านไปแข่งกับร้านอื่น เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับร้าน โดยร้านจะเตรียมรถที่แต่งไว้แล้วมาให้ เดิมพันต่ำสุด 5,000 ถึง หลักแสน ซึ่งถ้าแข่งชนะจะได้เงินส่วนแบ่ง 10% แต่ละครั้งได้เงินมาก็เอาไปแต่งรถตัวเองหมด
ร้านแต่งรถแข่งส่วนใหญ่จะไม่ซ่อมให้รถธรรมดา เพราะถือว่าเสียเวลา ส่วนใหญ่ร้านมีขนาดเล็ก ๆ หลบอยู่ตามซอยต่าง ๆ ภายในร้านมีวัยรุ่นมั่วสุมหรือหน้าร้านจะมีรถที่แต่งไว้แล้วโชว์อยู่ ตอนนี้ร้านเหล่านี้เปิดกันมากขึ้น ช่างเองพยายามแสดงฝีมือเพื่อดึงดูดเด็กให้มาแต่งรถที่ร้าน ช่างส่วนใหญ่ไม่จบด้านนี้โดยตรง แต่อาศัยอยู่ในร้านที่แต่งรถมาก่อน แล้วลักจำสูตรการแต่งรถมาเปิดร้านเอง เนื่องจากในตำราเรียนไม่มีการสอนแต่งรถเพื่อแข่ง แต่ร้านเหล่านี้จะมีตำราการแต่งเป็นสูตรที่ตายตัวคิดขึ้นเอง หรือบางร้านแต่งเครื่องไม่เป็นก็ไปจ้างอีกร้านทำเครื่องแล้วมาประกอบ
“การแต่งตัวเมื่อไปแข่งก็ใส่เสื้อยืด กางเกงยีนธรรมดา ที่สำคัญจะไม่ใส่หมวกกันน็อกเพราะทำให้รถหนัก รถที่ร้านแต่งจะเปลือยตัวถังหมดเพื่อให้รถเบาที่สุด ส่วนความเชื่อก่อนแข่งต้องไหว้แม่ย่านางรถและขอเจ้าที่เจ้าทางก่อนแข่งเสมอ แต่หากวันไหนเราเห็นคนอื่นตายจะไม่แข่งเพราะถือว่าวันนั้นฤกษ์ไม่ดี เวลาเห็นเพื่อนตายรู้สึกธรรมดาคิดเสียว่า โชคชะตาเขามีแค่นี้” โอ เล่า
การแต่งรถ หากทำเครื่องราคาจะอยู่ที่หมื่นกว่าบาท ตกแต่ง ภายนอกอีกตกเดือนละ 2,000-4,000 บาท ส่วนรถที่เอาไปแข่งบ่อย ๆ อายุงานเครื่องยนต์อยู่ได้แค่ 2 เดือน เงินที่ใช้ในการแต่งรถได้จากการขอแม่และเก็บออมเงิน แต่บางคนไม่มีเงินแต่งรถ ก็ไปขายยาบ้า คนพวกนี้มักแฝงตัวอยู่ในแก๊งต่าง ๆ
บ่อยครั้งที่เด็กแว้นแข่งรถแล้วประสบอุบัติเหตุ โอ มองว่า ส่วนใหญ่เกิดจากการที่รถมอเตอร์ไซค์เกี่ยวกัน เนื่องจาก “ตัวขี่” นิยมใช้เทคนิคการขี่แบบ “ลมดูด” เพราะเชื่อว่า การขี่รถจี้ไปด้านหลังคู่แข่งหรือรถที่อยู่บนท้องถนน รถที่ตนขี่อยู่จะไม่โต้ลมทำให้ลดแรงเสียดทาน เมื่อจี้เข้าไปใกล้มากที่สุดแล้วก็หักรถขึ้นแซงคันหน้า เชื่อว่าจะมีแรงลมช่วยส่งให้รถแรงขึ้นเบียดแซงคู่แข่ง บางคันโชคร้ายก็เกี่ยวกันล้มหรือมองไม่เห็นรถฝั่งตรงข้ามพอขึ้นแซงจึงถูกชนประสานงา บางครั้งรถคันหน้าไม่อยากให้ใช้ “ลมดูด” ก็ขี่รถแกว่งไปมาเพื่อหนี แต่รถดันมาเสียหลักล้ม ส่วนเทคนิค “ลักไก่” เมื่อออกตัวก็ประสบอุบัติเหตุมาก เพราะ “ตัวขี่” พยายามออกตัวก่อนคู่แข่ง แล้วรถมันสะบัด หากทรงตัวไม่ดีรถคว่ำมาแล้วหลายราย
สิ่งที่มันส์มากที่สุดของ “เด็กแว้น” คือ การขี่รถหนีตำรวจตื่นเต้นกว่าขี่แข่งกันเอง เพราะต้องลุ้นว่าจะรอดหรือไม่ แต่ส่วนใหญ่จะเกิดอุบัติเหตุรถเกี่ยวกัน เสี่ยงต่อการเสียชีวิตเนื่องจากเมื่อรถล้มมีรถอีกหลายคันวิ่งตามมาพร้อมทับเราทุกเมื่อ ขณะเดียวกันช่วงชุลมุนอาจมีเสียงปืนดังขึ้น ไม่รู้มาจากพวกเดียวกันหรือตำรวจ แต่เพื่อนเคยโดนลูกหลงตายมาแล้วโดยไม่รู้ว่าใครยิง
“พวกสาวสก๊อยส่วนใหญ่เด็กแว้นพามาอวดกันมากกว่า แต่ก่อนเคยมีบางแก๊งแข่งโดยเอาสก๊อยเป็นเดิมพัน เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว เราเองเมื่อแข่งจะไม่พาไปเพราะจะได้หนีตำรวจได้สะดวก ยิ่งกว่านั้นผู้หญิงบางคนพอเห็นผู้ชายหล่อมีรถสวยก็ใช้เวลาช่วงเรากำลังแข่ง แอบไปขอเบอร์โทรฯ ฝ่ายตรงข้าม แต่ต้องทำใจผู้หญิงพวกนี้รักใครไม่ได้นาน”
โอ ทิ้งท้ายว่า หลายคนอาจมองเด็กแว้น เป็นขยะสังคม แต่เราก็มีจิตใจ แค่อยากโชว์รถ ภาครัฐเองก็ไม่เคยมีนโยบายชัดเจนในการสนับสนุนเด็กให้แข่งรถ ซึ่งหากมีการจัดการแข่งจริง ๆ จะช่วยลดปัญหาเด็กแว้น ได้บางส่วน ขณะที่เจ้าของร้านแต่ง รถมอเตอร์ไซค์ย่านชานเมือง แห่งหนึ่งเล่าว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ เป็นวัยรุ่นมาแต่งเยอะสุดช่วงต้นเดือน และเทศกาลต่าง ๆ รายได้ ต่อเดือนตกอยู่ที่ 4-5 หมื่นบาท สิ่งที่เด็กแว้นมาแต่งมากที่สุดคือ 1.เปลี่ยนล้อ เนื่องจากทำง่ายราคาถูก 2.ยัดลูกสูบ ทำให้รถมีแรง อัดเพิ่มขึ้นวิ่งได้แรงกว่าเดิม 3. แต่งสวยงาม เช่น ปาดเบาะหรือทำท่อ 4.ทำเครื่อง ราคาขึ้นอยู่กับคุณภาพอะไหล่ที่ใช้ ขณะที่บางคนสนิทกับร้านสามารถแต่งรถไปก่อนแล้วผ่อนส่งได้ เช่น อะไหล่ราคา 5,000 บาท จ่ายก่อน 3,000 บาท ที่เหลือผ่อนเป็นรายเดือนได้
“บางครั้งเห็นเด็กที่รู้จักกันแต่งรถที่ร้านแล้วออกไปซิ่งรถ คว่ำตาย เราเองก็เสียใจเหมือนกัน แต่เข้าใจว่าเป็นช่วงวัยรุ่น ใจร้อนชอบท้าทาย แต่ก็ต้องรู้จักนึกถึงความปลอดภัยบ้าง จึงอยากให้รัฐบาลจัดกิจกรรมที่ให้วัยรุ่น ได้แข่งขันกันอย่างถูกกฎหมาย ไม่ต้องไปเสี่ยงวิ่งบนท้องถนน เพราะนอกจากเสี่ยงชีวิตแล้วยังเสี่ยงติดคุกด้วย” เจ้าของร้านกล่าว
นพ.บัณฑิต ศรไพศาล ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กล่าวถึงปัญหาเด็กแว้นว่า เกิดจากเด็กไม่ได้รับการยอมรับจากครอบครัว พ่อแม่ชอบตำหนิและบ่นลูกอยู่เป็นประจำ เด็กจึงออกไปหาการยอมรับจากภายนอกในรูปแบบต่าง ๆ โดยไม่คำนึงว่าถูกหรือผิด ดังนั้นครอบครัวควรมีกิจกรรมให้ลูกได้แสดงออกในทางบวกและชื่นชมในความสามารถเพื่อให้ลูกเกิดความภาคภูมิใจ
ด้านครอบครัวที่สงสัยว่า เด็กกำลังเข้าสู่วงจรนี้ควรสังเกตพฤติกรรมลูกว่า เริ่มหายหน้าหายตาในเวลากลางคืนหรือไม่ ขณะเดียวกันเด็กเริ่มพูดภาษามอเตอร์ไซค์ต่าง ๆ มากขึ้น และร้องขอให้ซื้อรถมอเตอร์ไซค์ให้ เมื่อเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้นครอบครัวไม่ควรตำหนิเด็ก แต่ต้องพูดคุยด้วยทีท่าที่พร้อมรับฟังและเสนอแนะข้อถูกผิด ประกอบกับศึกษาพฤติกรรมของลูกไปเรื่อย ๆ
สำหรับกรณีที่พ่อแม่มีลูกเป็น “เด็กแว้น” สิ่งแรกต้องทำคือ ผู้ปกครองควรให้กำลังใจตัวเองก่อน เพราะทุกคนย่อมคาดหวังในตัวลูกสูง เมื่อผิดหวังอาจท้อแท้หรือทำร้ายจิตใจเด็กให้แย่ลง ควรคิดในแง่บวกว่า คนในครอบครัวสามารถทำให้ลูกเป็นเหมือนเดิมได้ ต่อมาจึงให้กำลังใจเด็กโดยพยายามรับฟัง และเสนอแนะการกระทำที่ถูกแล้วจึงหากิจกรรมสร้างสรรค์ทำในครอบครัว เช่น ท่องเที่ยว, เล่นกีฬา “การเปลี่ยนพฤติกรรมลูกที่เป็นเด็กแว้นอาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ต้องใช้เวลา โดยผู้ปกครองควรให้ความสำคัญในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเราเองด้วย จึงอยาก ฝากให้สังคมหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ให้กับ เด็กเหล่านี้ได้มีพื้นที่แสดงออก อย่างสร้างสรรค์”
ในทางตรงกันข้ามตำรวจเองไม่ควรใช้ความรุนแรงในการ จับเด็กบ่อยจนเกินไป เพราะเมื่อเกิดความรุนแรงสะสมบ่อยขึ้น เด็กพวกนี้จะรวมกลุ่มกันเพื่อแก้แค้นเจ้าหน้าที่ ดังนั้นควรใช้ความระมัดระวังให้มากขึ้น ฉะนั้น ปัญหา “เด็กแว้น” เรื้อรังมานานยังคงไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังจากภาครัฐ หลายครั้งจุดประเด็นขึ้นมาตื่นตัวเป็นพัก ๆ แต่ที่น่าเศร้าคือ ผู้ใหญ่ไม่เคยตั้งโต๊ะคุยกับเด็กถึงแนวทางแก้ไขปัญหาเรื้อรังนี้
เพิ่มเติมhttp://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=486&contentId=10551&hilight=อะไหล่
ดูเหมือนปัญหา “เด็กแว้น” กับสังคมไทยเรื้อรังมานานและทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่สังคมตีตราสิงห์นักบิดเหล่านี้ ไม่ต่างจากขยะสังคม ความจริง เด็กพวกนี้ชีวิตอาจกำลังติดหล่ม รอคอยให้ผู้ใหญ่ฉุดเขาขึ้นไปสู่สิ่งที่ดีกว่า หากย้อนกลับไปมีความพยายามของหลายหน่วยงานยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ แต่ไม่นานก็หายไป 5 ปี กับการเป็นเด็กแว้น ชอบท้าประลองความเร็วบนถนนย่านเพชรเกษมและพุทธมณฑล ก้าวมาสู่ “ตัวขี่” ซึ่งเด็กแว้นใช้เรียกนักขับฝีมือดีอย่าง เช่น โอ (นามสมมุติ) วัย 25 ปี เล่าว่า ตอนแรกไม่มีรถก็อาศัยซ้อนรุ่นพี่ก่อน พอหลังจากนั้นก็ขอให้แม่ซื้อรถให้และเริ่มแต่งรถอย่างจริงจัง แรงจูงใจคือ ต้องการให้เพื่อน ๆ ในกลุ่มยอมรับและอยากมีชื่อเสียงในหมู่เด็กแว้น
คุณสมบัติของ “ตัวขี่” น้ำหนักตัวต้องเบา ขับรถไม่ประมาท ที่สำคัญใจต้องถึง วันแข่งส่วนใหญ่เป็นวันศุกร์, เสาร์ เวลากลางคืน โดยการแข่งมี 2 แบบคือ แบบแรก ระยะที่ยังไม่มีชื่อเสียงจะใช้รถตัวเองขี่ โดยตระเวนไปกับเพื่อนประมาณ 10 คัน ขับวนไปในสถานที่ต่าง ๆ ที่มีการแข่งประจำ พอไปเจอฝ่ายตรงข้ามจึงพยายามสังเกตตัวรถและเสียงเครื่องยนต์ หากมองดูแล้วสามารถสู้ได้ก็จะท้าประลอง อาจมีเงินเดิมพันหรือไม่มีก็แล้วแต่จะตกลงกัน ย่านบางใหญ่ จ.นนทบุรี เป็นพื้นที่เถื่อนสุด เพราะหลายครั้งไปแข่งแล้วตนชนะ ฝ่ายตรงข้ามไม่ยอมจ่ายเงินเดิมพัน แต่กลับใช้ปืนยิงขึ้นฟ้าหรือยิงใส่คนอื่น
แบบที่ 2 เมื่อเริ่มมีชื่อ ร้านแต่งรถจะโทรฯ มาตามให้ไป ขี่รถของร้านไปแข่งกับร้านอื่น เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับร้าน โดยร้านจะเตรียมรถที่แต่งไว้แล้วมาให้ เดิมพันต่ำสุด 5,000 ถึง หลักแสน ซึ่งถ้าแข่งชนะจะได้เงินส่วนแบ่ง 10% แต่ละครั้งได้เงินมาก็เอาไปแต่งรถตัวเองหมด
ร้านแต่งรถแข่งส่วนใหญ่จะไม่ซ่อมให้รถธรรมดา เพราะถือว่าเสียเวลา ส่วนใหญ่ร้านมีขนาดเล็ก ๆ หลบอยู่ตามซอยต่าง ๆ ภายในร้านมีวัยรุ่นมั่วสุมหรือหน้าร้านจะมีรถที่แต่งไว้แล้วโชว์อยู่ ตอนนี้ร้านเหล่านี้เปิดกันมากขึ้น ช่างเองพยายามแสดงฝีมือเพื่อดึงดูดเด็กให้มาแต่งรถที่ร้าน ช่างส่วนใหญ่ไม่จบด้านนี้โดยตรง แต่อาศัยอยู่ในร้านที่แต่งรถมาก่อน แล้วลักจำสูตรการแต่งรถมาเปิดร้านเอง เนื่องจากในตำราเรียนไม่มีการสอนแต่งรถเพื่อแข่ง แต่ร้านเหล่านี้จะมีตำราการแต่งเป็นสูตรที่ตายตัวคิดขึ้นเอง หรือบางร้านแต่งเครื่องไม่เป็นก็ไปจ้างอีกร้านทำเครื่องแล้วมาประกอบ
“การแต่งตัวเมื่อไปแข่งก็ใส่เสื้อยืด กางเกงยีนธรรมดา ที่สำคัญจะไม่ใส่หมวกกันน็อกเพราะทำให้รถหนัก รถที่ร้านแต่งจะเปลือยตัวถังหมดเพื่อให้รถเบาที่สุด ส่วนความเชื่อก่อนแข่งต้องไหว้แม่ย่านางรถและขอเจ้าที่เจ้าทางก่อนแข่งเสมอ แต่หากวันไหนเราเห็นคนอื่นตายจะไม่แข่งเพราะถือว่าวันนั้นฤกษ์ไม่ดี เวลาเห็นเพื่อนตายรู้สึกธรรมดาคิดเสียว่า โชคชะตาเขามีแค่นี้” โอ เล่า
การแต่งรถ หากทำเครื่องราคาจะอยู่ที่หมื่นกว่าบาท ตกแต่ง ภายนอกอีกตกเดือนละ 2,000-4,000 บาท ส่วนรถที่เอาไปแข่งบ่อย ๆ อายุงานเครื่องยนต์อยู่ได้แค่ 2 เดือน เงินที่ใช้ในการแต่งรถได้จากการขอแม่และเก็บออมเงิน แต่บางคนไม่มีเงินแต่งรถ ก็ไปขายยาบ้า คนพวกนี้มักแฝงตัวอยู่ในแก๊งต่าง ๆ
บ่อยครั้งที่เด็กแว้นแข่งรถแล้วประสบอุบัติเหตุ โอ มองว่า ส่วนใหญ่เกิดจากการที่รถมอเตอร์ไซค์เกี่ยวกัน เนื่องจาก “ตัวขี่” นิยมใช้เทคนิคการขี่แบบ “ลมดูด” เพราะเชื่อว่า การขี่รถจี้ไปด้านหลังคู่แข่งหรือรถที่อยู่บนท้องถนน รถที่ตนขี่อยู่จะไม่โต้ลมทำให้ลดแรงเสียดทาน เมื่อจี้เข้าไปใกล้มากที่สุดแล้วก็หักรถขึ้นแซงคันหน้า เชื่อว่าจะมีแรงลมช่วยส่งให้รถแรงขึ้นเบียดแซงคู่แข่ง บางคันโชคร้ายก็เกี่ยวกันล้มหรือมองไม่เห็นรถฝั่งตรงข้ามพอขึ้นแซงจึงถูกชนประสานงา บางครั้งรถคันหน้าไม่อยากให้ใช้ “ลมดูด” ก็ขี่รถแกว่งไปมาเพื่อหนี แต่รถดันมาเสียหลักล้ม ส่วนเทคนิค “ลักไก่” เมื่อออกตัวก็ประสบอุบัติเหตุมาก เพราะ “ตัวขี่” พยายามออกตัวก่อนคู่แข่ง แล้วรถมันสะบัด หากทรงตัวไม่ดีรถคว่ำมาแล้วหลายราย
สิ่งที่มันส์มากที่สุดของ “เด็กแว้น” คือ การขี่รถหนีตำรวจตื่นเต้นกว่าขี่แข่งกันเอง เพราะต้องลุ้นว่าจะรอดหรือไม่ แต่ส่วนใหญ่จะเกิดอุบัติเหตุรถเกี่ยวกัน เสี่ยงต่อการเสียชีวิตเนื่องจากเมื่อรถล้มมีรถอีกหลายคันวิ่งตามมาพร้อมทับเราทุกเมื่อ ขณะเดียวกันช่วงชุลมุนอาจมีเสียงปืนดังขึ้น ไม่รู้มาจากพวกเดียวกันหรือตำรวจ แต่เพื่อนเคยโดนลูกหลงตายมาแล้วโดยไม่รู้ว่าใครยิง
“พวกสาวสก๊อยส่วนใหญ่เด็กแว้นพามาอวดกันมากกว่า แต่ก่อนเคยมีบางแก๊งแข่งโดยเอาสก๊อยเป็นเดิมพัน เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว เราเองเมื่อแข่งจะไม่พาไปเพราะจะได้หนีตำรวจได้สะดวก ยิ่งกว่านั้นผู้หญิงบางคนพอเห็นผู้ชายหล่อมีรถสวยก็ใช้เวลาช่วงเรากำลังแข่ง แอบไปขอเบอร์โทรฯ ฝ่ายตรงข้าม แต่ต้องทำใจผู้หญิงพวกนี้รักใครไม่ได้นาน”
โอ ทิ้งท้ายว่า หลายคนอาจมองเด็กแว้น เป็นขยะสังคม แต่เราก็มีจิตใจ แค่อยากโชว์รถ ภาครัฐเองก็ไม่เคยมีนโยบายชัดเจนในการสนับสนุนเด็กให้แข่งรถ ซึ่งหากมีการจัดการแข่งจริง ๆ จะช่วยลดปัญหาเด็กแว้น ได้บางส่วน ขณะที่เจ้าของร้านแต่ง รถมอเตอร์ไซค์ย่านชานเมือง แห่งหนึ่งเล่าว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ เป็นวัยรุ่นมาแต่งเยอะสุดช่วงต้นเดือน และเทศกาลต่าง ๆ รายได้ ต่อเดือนตกอยู่ที่ 4-5 หมื่นบาท สิ่งที่เด็กแว้นมาแต่งมากที่สุดคือ 1.เปลี่ยนล้อ เนื่องจากทำง่ายราคาถูก 2.ยัดลูกสูบ ทำให้รถมีแรง อัดเพิ่มขึ้นวิ่งได้แรงกว่าเดิม 3. แต่งสวยงาม เช่น ปาดเบาะหรือทำท่อ 4.ทำเครื่อง ราคาขึ้นอยู่กับคุณภาพอะไหล่ที่ใช้ ขณะที่บางคนสนิทกับร้านสามารถแต่งรถไปก่อนแล้วผ่อนส่งได้ เช่น อะไหล่ราคา 5,000 บาท จ่ายก่อน 3,000 บาท ที่เหลือผ่อนเป็นรายเดือนได้
“บางครั้งเห็นเด็กที่รู้จักกันแต่งรถที่ร้านแล้วออกไปซิ่งรถ คว่ำตาย เราเองก็เสียใจเหมือนกัน แต่เข้าใจว่าเป็นช่วงวัยรุ่น ใจร้อนชอบท้าทาย แต่ก็ต้องรู้จักนึกถึงความปลอดภัยบ้าง จึงอยากให้รัฐบาลจัดกิจกรรมที่ให้วัยรุ่น ได้แข่งขันกันอย่างถูกกฎหมาย ไม่ต้องไปเสี่ยงวิ่งบนท้องถนน เพราะนอกจากเสี่ยงชีวิตแล้วยังเสี่ยงติดคุกด้วย” เจ้าของร้านกล่าว
นพ.บัณฑิต ศรไพศาล ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กล่าวถึงปัญหาเด็กแว้นว่า เกิดจากเด็กไม่ได้รับการยอมรับจากครอบครัว พ่อแม่ชอบตำหนิและบ่นลูกอยู่เป็นประจำ เด็กจึงออกไปหาการยอมรับจากภายนอกในรูปแบบต่าง ๆ โดยไม่คำนึงว่าถูกหรือผิด ดังนั้นครอบครัวควรมีกิจกรรมให้ลูกได้แสดงออกในทางบวกและชื่นชมในความสามารถเพื่อให้ลูกเกิดความภาคภูมิใจ
ด้านครอบครัวที่สงสัยว่า เด็กกำลังเข้าสู่วงจรนี้ควรสังเกตพฤติกรรมลูกว่า เริ่มหายหน้าหายตาในเวลากลางคืนหรือไม่ ขณะเดียวกันเด็กเริ่มพูดภาษามอเตอร์ไซค์ต่าง ๆ มากขึ้น และร้องขอให้ซื้อรถมอเตอร์ไซค์ให้ เมื่อเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้นครอบครัวไม่ควรตำหนิเด็ก แต่ต้องพูดคุยด้วยทีท่าที่พร้อมรับฟังและเสนอแนะข้อถูกผิด ประกอบกับศึกษาพฤติกรรมของลูกไปเรื่อย ๆ
สำหรับกรณีที่พ่อแม่มีลูกเป็น “เด็กแว้น” สิ่งแรกต้องทำคือ ผู้ปกครองควรให้กำลังใจตัวเองก่อน เพราะทุกคนย่อมคาดหวังในตัวลูกสูง เมื่อผิดหวังอาจท้อแท้หรือทำร้ายจิตใจเด็กให้แย่ลง ควรคิดในแง่บวกว่า คนในครอบครัวสามารถทำให้ลูกเป็นเหมือนเดิมได้ ต่อมาจึงให้กำลังใจเด็กโดยพยายามรับฟัง และเสนอแนะการกระทำที่ถูกแล้วจึงหากิจกรรมสร้างสรรค์ทำในครอบครัว เช่น ท่องเที่ยว, เล่นกีฬา “การเปลี่ยนพฤติกรรมลูกที่เป็นเด็กแว้นอาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ต้องใช้เวลา โดยผู้ปกครองควรให้ความสำคัญในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของเราเองด้วย จึงอยาก ฝากให้สังคมหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ให้กับ เด็กเหล่านี้ได้มีพื้นที่แสดงออก อย่างสร้างสรรค์”
ในทางตรงกันข้ามตำรวจเองไม่ควรใช้ความรุนแรงในการ จับเด็กบ่อยจนเกินไป เพราะเมื่อเกิดความรุนแรงสะสมบ่อยขึ้น เด็กพวกนี้จะรวมกลุ่มกันเพื่อแก้แค้นเจ้าหน้าที่ ดังนั้นควรใช้ความระมัดระวังให้มากขึ้น ฉะนั้น ปัญหา “เด็กแว้น” เรื้อรังมานานยังคงไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังจากภาครัฐ หลายครั้งจุดประเด็นขึ้นมาตื่นตัวเป็นพัก ๆ แต่ที่น่าเศร้าคือ ผู้ใหญ่ไม่เคยตั้งโต๊ะคุยกับเด็กถึงแนวทางแก้ไขปัญหาเรื้อรังนี้
เพิ่มเติมhttp://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=486&contentId=10551&hilight=อะไหล่
"ฟีม" อันดับโลกรูดหลังวืดแต้ม 2 สนามติด
รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดสังกัดไทย-ฮฮนด้า-พีทีที-แซค จากประเทศไทย สุดเซ็งกับสภาพรถ RS25RW ที่ไม่สามารถบิดได้อย่างใจต้องการในสนามล่าสุด จนต้องวืดแต้มเป็นเรซที่ 2 ติดต่อกัน พร้อมทั้งตกมารั้งอันดับ 14 ของตารางคะแนนรุ่น 250 ซีซี
"เจ้าฟีม" ที่มีลุ้นจบการแข่งขันในกลุ่มหน้าหลังควอลิฟายได้ดีถึงอันดับที่ 8 ทว่า จากการออกสตาร์ทที่ย่ำแย่ประกอบกับอาการของรถฮอนด้าคู่ใจที่ไม่เสถียร ทำให้นักบิดไทยทำเวลาต่อรอบแบบลุ้นไม่ขึ้น จนต้องนำรถกลับเข้าพิตและออกจากการแข่งขันในที่สุด
โดยฟีมเผยหลังวืดแต้มเป้นสนามที่ 2 ติดต่อกันว่า "นี่คือวันที่ผมอยากจะลืมให้เร็วที่สุด ผมออกตัวได้แย่มากขณะที่รถก็ดูจะไม่เป็นใจเลย ผมไม่รู้ใว่าเกิดอะไรขึ้นกับรถที่เซ็ตไว้ลงตัวแล้วในช่วงเช้า แต่ตอนแข่งกลับไม่เหมือนเดิมเลย"
"มันทำให้ผมมีปีญหาในการเปลี่ยนเกียร์ในช่วงออกโค้ง ซึ่งผมทำความเร็วไม่ได้เลย ผมจึงตัดสินในที่จะขับเข้าพิตและออกจากการแข่งขันดีกว่าที่จะเลี่ยงล้มกับอาการของรถที่เป็นเช่นนี้" นักบิดวัย 21 ปี ร่ายยาว
จากการไม่จบการแข่งขัน 2 สนามล่าสุดส่งผลให้เจ้าฟีมยังคงมีคะแนนสะสมในรุ่น 250 ซีซี อยู่ที่ 38 แต้มเช่นเดิม ตกจากอันดับ 11 ลงมาอยู่อันดับ 14 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีแต้มตามหลังโรแบร์โต โลตาเตลลี อันดับ 10 อยู่ 27 คะแนน
สำหรับฟีมมีคิวบินกลับมาพักผ่อนและรักษาสภาพร่างการที่บาดเจ็บในประเทศไทยในวันพุธที่ 29 ก.ค.นี้ ก่อนจะกลับไปยังฝั่งยุโรปอีกครั้งในช่วงกลางเดือนสิงหาคม เพื่อลงแข่งสนามต่อไปรายการ เช็ก กรังด์ปรีซ์ ที่ บรูโน เซอร์กิต สาธารณรัฐเช็ค ในวันที่ 16 ส.ค.
เพิ่มเติม http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9520000084770
"เจ้าฟีม" ที่มีลุ้นจบการแข่งขันในกลุ่มหน้าหลังควอลิฟายได้ดีถึงอันดับที่ 8 ทว่า จากการออกสตาร์ทที่ย่ำแย่ประกอบกับอาการของรถฮอนด้าคู่ใจที่ไม่เสถียร ทำให้นักบิดไทยทำเวลาต่อรอบแบบลุ้นไม่ขึ้น จนต้องนำรถกลับเข้าพิตและออกจากการแข่งขันในที่สุด
โดยฟีมเผยหลังวืดแต้มเป้นสนามที่ 2 ติดต่อกันว่า "นี่คือวันที่ผมอยากจะลืมให้เร็วที่สุด ผมออกตัวได้แย่มากขณะที่รถก็ดูจะไม่เป็นใจเลย ผมไม่รู้ใว่าเกิดอะไรขึ้นกับรถที่เซ็ตไว้ลงตัวแล้วในช่วงเช้า แต่ตอนแข่งกลับไม่เหมือนเดิมเลย"
"มันทำให้ผมมีปีญหาในการเปลี่ยนเกียร์ในช่วงออกโค้ง ซึ่งผมทำความเร็วไม่ได้เลย ผมจึงตัดสินในที่จะขับเข้าพิตและออกจากการแข่งขันดีกว่าที่จะเลี่ยงล้มกับอาการของรถที่เป็นเช่นนี้" นักบิดวัย 21 ปี ร่ายยาว
จากการไม่จบการแข่งขัน 2 สนามล่าสุดส่งผลให้เจ้าฟีมยังคงมีคะแนนสะสมในรุ่น 250 ซีซี อยู่ที่ 38 แต้มเช่นเดิม ตกจากอันดับ 11 ลงมาอยู่อันดับ 14 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีแต้มตามหลังโรแบร์โต โลตาเตลลี อันดับ 10 อยู่ 27 คะแนน
สำหรับฟีมมีคิวบินกลับมาพักผ่อนและรักษาสภาพร่างการที่บาดเจ็บในประเทศไทยในวันพุธที่ 29 ก.ค.นี้ ก่อนจะกลับไปยังฝั่งยุโรปอีกครั้งในช่วงกลางเดือนสิงหาคม เพื่อลงแข่งสนามต่อไปรายการ เช็ก กรังด์ปรีซ์ ที่ บรูโน เซอร์กิต สาธารณรัฐเช็ค ในวันที่ 16 ส.ค.
เพิ่มเติม http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9520000084770
สัดส่วนยอดจดทะเบียนรถมอไซค์ ประจำเดือน มิ.ย.52
ยอดจดทะเบียนทั่วประเทศเพิ่มขึ้น 16%
Yamaha +17%
Honda +15%
Suzuki +21%
Kawasaki +16
Suzuki Grand Opening “Suzuki Skydrive SP Limited 2009”
บริษัท เอส.พี.ซูซูกิ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับผู้แทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ซูซูกิทั่วประเทศ (ยกเว้น 14 จังหวัดภาคใต้) จัดงานเปิดตัวรถ Suzuki Skydrive 125 กราฟิกใหม่ “Suzuki Skydrive RIDE IT SP Limited 2009” เพื่อเป็นการแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดของบริษัทฯ เมื่อเร็วๆ นี้
ดีเดย์ไปเมื่อ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมานี่เอง เป็นวันแรกของการวางจำหน่าย พร้อมกับการจัดงานเปิดตัว “Suzuki Skydrive RIDE IT SP Limited 2009” พร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับรูปโฉมใหม่ที่เร้าใจ กว่าของ “Suzuki Skydrive RIDE IT SP Limited 2009” ผลงานการออกแบบ โดยสำนักแต่งชื่อดังอย่าง RIDE IT ด้วยรูปแบบของรถจักรยานยนต์อัจฉริยะ เกียร์อัตโนมัติ 125 ซีซี. เครื่องยนต์ Super CVT ล้ำทันสมัยด้วยระบบ หัวฉีด DCP-Fi (ดีซีพี เอฟไอ) ตกแต่งพิเศษเพื่อความสุดๆ ของชีวิต ใหม่ด้วยลายกราฟิกสุดซ่าตลอดคัน นอกจากนี้ ยังได้มีการเพิ่มเติมอุปกรณ์ตกแต่งที่การันตีคุณภาพกว่า 30 รายการ มีทั้งอุปกรณ์เสริมความสวยงาม อุปกรณ์เพิ่ม ความสะดวกสบาย และอุปกรณ์เพิ่มสมรรถนะ (ชุดสายพาวเวอร์ไลน์) ตามแบบฉบับของรถ Limited ผลิตเพื่อคุณคน พิเศษโดยเฉพาะ!!
Suzuki Skydrive RIDE IT SP Limited 2009 สะท้อนถึงเอกลักษณ์ที่โดดเด่นสร้างความภาคภูมิใจให้กับผู้ขับขี่ พร้อมให้คุณ Limited ได้ 2 แบบ ซ่าที่ 1 : SP Limited Full Option เพียง 500 คันเท่านั้น และซ่าที่ 2 ให้คุณ Limited กับ SP Limited Standard เพียงแค่ 700 คัน เท่านั้น สำหรับบรรยากาศของงานเปิดตัวในแต่ละพื้นที่ของผู้แทน จำหน่ายรถจักรยานยนต์ ซูซูกิ เต็มไปด้วยความคึกคัก สนุกสนาน Freak & Fun ไม่แพ้กันทีเดียว...อย่าลืมไปติด ตามชมประมวลภาพทั้งหมดได้ที่ SPSUzuki.com
อีกหนึ่งความพิเศษสุด Freak !! ที่บริษัท เอส.พี.ซูซูกิ จำกัด (มหาชน) พร้อมจัดให้เป็นพิเศษ สำหรับผู้ที่ต้อง การความเป็นที่สุด และต้องการสะท้อนถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแบบเหนือชั้นกว่าใคร เชิญสัมผัสและจับจองเป็น เจ้าของได้ที่ผู้แทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ซูซูกิ ในเขตการดูแลของ บริษัท เอส.พี.ซูซูกิ จำกัด (มหาชน) เท่านั้น คำเตือน ระวังช้าหมด..อด..แรง !!
เพิ่มเติม http://www.spsuzuki.com/Community/Thai/News/Detail/News09-0713.asp
ดีเดย์ไปเมื่อ 3 กรกฎาคม ที่ผ่านมานี่เอง เป็นวันแรกของการวางจำหน่าย พร้อมกับการจัดงานเปิดตัว “Suzuki Skydrive RIDE IT SP Limited 2009” พร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับรูปโฉมใหม่ที่เร้าใจ กว่าของ “Suzuki Skydrive RIDE IT SP Limited 2009” ผลงานการออกแบบ โดยสำนักแต่งชื่อดังอย่าง RIDE IT ด้วยรูปแบบของรถจักรยานยนต์อัจฉริยะ เกียร์อัตโนมัติ 125 ซีซี. เครื่องยนต์ Super CVT ล้ำทันสมัยด้วยระบบ หัวฉีด DCP-Fi (ดีซีพี เอฟไอ) ตกแต่งพิเศษเพื่อความสุดๆ ของชีวิต ใหม่ด้วยลายกราฟิกสุดซ่าตลอดคัน นอกจากนี้ ยังได้มีการเพิ่มเติมอุปกรณ์ตกแต่งที่การันตีคุณภาพกว่า 30 รายการ มีทั้งอุปกรณ์เสริมความสวยงาม อุปกรณ์เพิ่ม ความสะดวกสบาย และอุปกรณ์เพิ่มสมรรถนะ (ชุดสายพาวเวอร์ไลน์) ตามแบบฉบับของรถ Limited ผลิตเพื่อคุณคน พิเศษโดยเฉพาะ!!
Suzuki Skydrive RIDE IT SP Limited 2009 สะท้อนถึงเอกลักษณ์ที่โดดเด่นสร้างความภาคภูมิใจให้กับผู้ขับขี่ พร้อมให้คุณ Limited ได้ 2 แบบ ซ่าที่ 1 : SP Limited Full Option เพียง 500 คันเท่านั้น และซ่าที่ 2 ให้คุณ Limited กับ SP Limited Standard เพียงแค่ 700 คัน เท่านั้น สำหรับบรรยากาศของงานเปิดตัวในแต่ละพื้นที่ของผู้แทน จำหน่ายรถจักรยานยนต์ ซูซูกิ เต็มไปด้วยความคึกคัก สนุกสนาน Freak & Fun ไม่แพ้กันทีเดียว...อย่าลืมไปติด ตามชมประมวลภาพทั้งหมดได้ที่ SPSUzuki.com
อีกหนึ่งความพิเศษสุด Freak !! ที่บริษัท เอส.พี.ซูซูกิ จำกัด (มหาชน) พร้อมจัดให้เป็นพิเศษ สำหรับผู้ที่ต้อง การความเป็นที่สุด และต้องการสะท้อนถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแบบเหนือชั้นกว่าใคร เชิญสัมผัสและจับจองเป็น เจ้าของได้ที่ผู้แทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ซูซูกิ ในเขตการดูแลของ บริษัท เอส.พี.ซูซูกิ จำกัด (มหาชน) เท่านั้น คำเตือน ระวังช้าหมด..อด..แรง !!
เพิ่มเติม http://www.spsuzuki.com/Community/Thai/News/Detail/News09-0713.asp
กระแสตอบรับแรงสุดๆ แคมเปญ My FINO, My Experience กอล์ฟ ไมค์ สิงโตและซูเปอร์จูเนียร์ขี่รถฟีโน่เที่ยวทั่วไทยกับภาพยนตร์โฆษณาใหม่ชุดที่ 2 ตอบ สนองทุกไลฟ์
ยามาฮ่า ฟีโน่ สุดยอดแห่งรถออโตเมติกที่ขายดีที่สุดในขณะนี้ที่ได้พลิกโฉมการดีไซน์ตัวรถแบบ เดิมๆ สร้างความแตกต่างโดดเด่นอย่างชัดเจน ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มลูกค้าตั้งแต่เปิดตัว สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้เป็นที่น่าพอใจ ในปี 2550 ฟีโน่ได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น ตัวรถใหม่สดใสขึ้นพร้อมกับเน้นไอเดียการตกแต่งที่หลากหลาย ด้วยแคมเปญ My Style, My Fino ทำให้ยอดขายฟีโน่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปีที่ผ่านมา ฟีโน่สร้างความยิ่งใหญ่ด้วยแคมเปญยักษ์ระดับอินเตอร์ อินเทรนด์ตามกระแสวัยรุ่นซึ่งมีความชื่นชอบเพลงและศิลปินเกาหลี นำเอากลุ่มศิลปินซูเปอร์จูเนียร์13 คนมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ร่วมกับ กอล์ฟ และไมค์ ในคอนเซ็ปท์ Fino is More (ฟีโน่ เป็นอะไรได้อีกเยอะ) ได้รับความสำเร็จอย่างท่วมท้น ทั้งภาพลักษณ์ของฟีโน่ และเป็นการเพิ่มกระแสความนิยมในกลุ่มวัยรุ่นทั่วประเทศ มียอดขายเป็นอันดับหนึ่งในประเภทรถออโตเมติก โดยมีส่วนแบ่งการตลาดเฉพาะประเภทรถออโตเมติกสูงถึง 55% มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น 2.4% ทำให้ยามาฮ่ามีส่วนแบ่งตลาดมากขึ้นเป็น 28% นับได้ว่าเป็นผู้นำตลาดรถออโตเมติกตัวจริง
ในปี 2552 นี้ ฟีโน่ได้เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ด้วยแคมเปญใหม่ My FINO, My Experience เนื่องจากลูกค้าของเรามีจำนวนมากทั่วประเทศ ทุกคนมีเอกลักษณ์ด้วยสไตล์ที่โดดเด่นของตัวเอง มีความชื่นชอบ และสนุกกับการขับขี่รถฟีโน่ นอกจากในชีวิตประจำวันแล้ว ยามาฮ่าต้องการเชิญชวนให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกอยากขับขี่รถจักรยานยนต์ท่องเที่ยวทั่วไทยสร้างให้เกิดวัฒนธรรมการขับขี่อย่างมีความสุข ซึ่งการเดินทางแต่ละครั้ง เราเชื่อว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ สร้างให้เกิดความประทับใจอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น กับกลุ่มเพื่อนๆ กับคนรู้ใจ และเดินทางไปพร้อมกับ ฟีโน่รถคู่ใจ
โดยในส่วนของภาพยนตร์โฆษณามีด้วยกันหลายเรื่อง แต่ละเรื่องก็จะเป็นการเดินทางท่องเที่ยวไปกับรถฟีโน่ ซึ่งความสนุกสนาน ก็จะเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในการเดินทางที่จะประทับใจจนยากที่จะลืม สำหรับภาพยนตร์โฆษณาชุดแรกชื่อว่า “Mountain” ออกอากาศไปเมื่อตอนต้นเดือนกรกฎาคม ที่ได้ 3 หนุ่ม กอล์ฟ ไมค์ และสิงโต-เดอะสตาร์ เป็นเจ้าบ้านพาเพื่อนๆ SUPER JUNIOR ทั้ง 4 คน นำทีมโดย ดงเฮ อีซอล ซองมิน และ ฮันเกิน เดินทางท่องเที่ยวภาคเหนือกันแบบชิลชิล ไปกันที่เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมกับฟีโน่คันโปรด โลดแล่น ขึ้นเขา ชื่นชมธรรมชาติ และได้พบกับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่น่าประทับใจตลอดเส้นทาง หลังจากที่ภาพยนตร์โฆษณาเรื่องแรกได้ออกอากาศไปได้รับเสียงตอบรับที่ดีมากๆ จากลูกค้าทุกกลุ่ม ลูกค้าของเราเกิดความรู้สึกอยากขับขี่รถจักรยานยนต์คู่ใจท่องเที่ยวในเมืองไทยมากขึ้น สำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณายามาฮ่าฟีโน่ชุดที่ 2 นี้ มี 3 หนุ่ม เจ้าบ้าน กอล์ฟ ไมค์ และสิงโต ที่อาสาพา 4 หนุ่ม SUPER JUNIOR นำทีมโดย ซีวอน เยซอง เรียวอุค และคยูคยอน ไปขี่รถฟีโน่คู่ใจท่องเที่ยวแบบชุ่มฉ่ำในบรรยากาศหาดทราย ชายทะเล เปิดประสบการณ์ใหม่กับรถฟีโน่ ถึง อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยจะเริ่มถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณาในเดือนนี้ และกลุ่มพรีเซ็นเตอร์ก็จะมาพูดคุยถึงเบื้องหลังการถ่ายทำโฆษณาชุดที่ 2 นี้อย่างใกล้ชิด เกี่ยวกับเรื่องราวการเดินทางท่องเที่ยวไปกับรถฟีโน่คู่ใจ ที่ศูนย์การค้าคริสตัล พาร์ค ในวันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม 2552 โดยสามารถติดตามภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ได้ในเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำการทำตลาดแบบไลฟ์สไตล์ มาร์เก็ตติ้ง เดินหน้ารุกกิจกรรมด้านมิวสิกมาเก็ตติ้ง จัด คอนเสิร์ตเทศกาลดนตรีฤดูฝน “FINO RAINY MUSIC FESTIVAL”ครั้งแรกในโลก กับรูปแบบการแสดงคอนเสิร์ตแนวใหม่ท่ามกลางสายฝน ในวันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม 2552 ณ เขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก ในงานนี้ท่านจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของการรวมพลของกองทัพรถฟีโน่ และกองทัพยามาฮ่าคลับจากทั่วประเทศที่จะมาสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่แบบที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเคยทำมาก่อน อาทิ
* ครั้งแรกของรถฟีโน่มาร่วมกันทำสถิติโลก “FINO Makes the World Record” โดยการรวมตัวกันสร้าง ขบวนรถฟีโน่ที่ยาวที่สุดในโลก บนสันเขื่อนขุนด่านปราการชล
ทั้งหมดนี้เป็นการตอกย้ำถึงความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของยามาฮ่า ฟีโน่ โฉมใหม่ สุดยอดแห่งรถออโตเมติกดีไซน์ สไตล์แฟชั่น ที่ขายดีที่สุดในขณะนี้ บริษัทฯ ได้ทำการตลาดที่แตกต่างมาโดยตลอด ทั้งในด้านสินค้า และกิจกรรมรูปแบบใหม่ๆ เพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น
เพิ่มเติม http://www.yamaha-motor.co.th/News/View.aspx?ID=1002
ในปี 2552 นี้ ฟีโน่ได้เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ด้วยแคมเปญใหม่ My FINO, My Experience เนื่องจากลูกค้าของเรามีจำนวนมากทั่วประเทศ ทุกคนมีเอกลักษณ์ด้วยสไตล์ที่โดดเด่นของตัวเอง มีความชื่นชอบ และสนุกกับการขับขี่รถฟีโน่ นอกจากในชีวิตประจำวันแล้ว ยามาฮ่าต้องการเชิญชวนให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกอยากขับขี่รถจักรยานยนต์ท่องเที่ยวทั่วไทยสร้างให้เกิดวัฒนธรรมการขับขี่อย่างมีความสุข ซึ่งการเดินทางแต่ละครั้ง เราเชื่อว่าลูกค้าจะได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ สร้างให้เกิดความประทับใจอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น กับกลุ่มเพื่อนๆ กับคนรู้ใจ และเดินทางไปพร้อมกับ ฟีโน่รถคู่ใจ
โดยในส่วนของภาพยนตร์โฆษณามีด้วยกันหลายเรื่อง แต่ละเรื่องก็จะเป็นการเดินทางท่องเที่ยวไปกับรถฟีโน่ ซึ่งความสนุกสนาน ก็จะเป็นประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในการเดินทางที่จะประทับใจจนยากที่จะลืม สำหรับภาพยนตร์โฆษณาชุดแรกชื่อว่า “Mountain” ออกอากาศไปเมื่อตอนต้นเดือนกรกฎาคม ที่ได้ 3 หนุ่ม กอล์ฟ ไมค์ และสิงโต-เดอะสตาร์ เป็นเจ้าบ้านพาเพื่อนๆ SUPER JUNIOR ทั้ง 4 คน นำทีมโดย ดงเฮ อีซอล ซองมิน และ ฮันเกิน เดินทางท่องเที่ยวภาคเหนือกันแบบชิลชิล ไปกันที่เขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมกับฟีโน่คันโปรด โลดแล่น ขึ้นเขา ชื่นชมธรรมชาติ และได้พบกับประสบการณ์ใหม่ๆ ที่น่าประทับใจตลอดเส้นทาง หลังจากที่ภาพยนตร์โฆษณาเรื่องแรกได้ออกอากาศไปได้รับเสียงตอบรับที่ดีมากๆ จากลูกค้าทุกกลุ่ม ลูกค้าของเราเกิดความรู้สึกอยากขับขี่รถจักรยานยนต์คู่ใจท่องเที่ยวในเมืองไทยมากขึ้น สำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณายามาฮ่าฟีโน่ชุดที่ 2 นี้ มี 3 หนุ่ม เจ้าบ้าน กอล์ฟ ไมค์ และสิงโต ที่อาสาพา 4 หนุ่ม SUPER JUNIOR นำทีมโดย ซีวอน เยซอง เรียวอุค และคยูคยอน ไปขี่รถฟีโน่คู่ใจท่องเที่ยวแบบชุ่มฉ่ำในบรรยากาศหาดทราย ชายทะเล เปิดประสบการณ์ใหม่กับรถฟีโน่ ถึง อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยจะเริ่มถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณาในเดือนนี้ และกลุ่มพรีเซ็นเตอร์ก็จะมาพูดคุยถึงเบื้องหลังการถ่ายทำโฆษณาชุดที่ 2 นี้อย่างใกล้ชิด เกี่ยวกับเรื่องราวการเดินทางท่องเที่ยวไปกับรถฟีโน่คู่ใจ ที่ศูนย์การค้าคริสตัล พาร์ค ในวันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม 2552 โดยสามารถติดตามภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ได้ในเร็วๆ นี้ นอกจากนี้ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ตอกย้ำภาพลักษณ์ผู้นำการทำตลาดแบบไลฟ์สไตล์ มาร์เก็ตติ้ง เดินหน้ารุกกิจกรรมด้านมิวสิกมาเก็ตติ้ง จัด คอนเสิร์ตเทศกาลดนตรีฤดูฝน “FINO RAINY MUSIC FESTIVAL”ครั้งแรกในโลก กับรูปแบบการแสดงคอนเสิร์ตแนวใหม่ท่ามกลางสายฝน ในวันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม 2552 ณ เขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก ในงานนี้ท่านจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของการรวมพลของกองทัพรถฟีโน่ และกองทัพยามาฮ่าคลับจากทั่วประเทศที่จะมาสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่แบบที่ไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเคยทำมาก่อน อาทิ
* ครั้งแรกของรถฟีโน่มาร่วมกันทำสถิติโลก “FINO Makes the World Record” โดยการรวมตัวกันสร้าง ขบวนรถฟีโน่ที่ยาวที่สุดในโลก บนสันเขื่อนขุนด่านปราการชล
* การรวมพลของกองทัพรถฟีโน่ และกองทัพยามาฮ่าคลับมากกว่า 5,000 คัน ขี่รถยามาฮ่าคู่ใจ ทัวร์ริ่งเข้ามาในงาน
* ชมการแปรขบวนด้วยรถฟีโน่ ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งเป็นไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจ
นอกจากนี้ยังมีการแสดงคอนเสิร์ตท่ามกลางสายฝนของกองทัพศิลปิน ROCK ปะทะศิลปิน HIP HOP ระดับแนวหน้าทั่วฟ้าเมืองไทย อาทิ เช่น Clash (แคลช), Silly Fool (ซิลลี่ฟูลส์), Slot Machine (สล็อตแมชชีน), Flure (ฟลัว), J Jetrin (เจ เจตริน), Paradox (พาราด็อกซ์), Hangman (แฮงแมน), Blackhead (แบล็คเฮด), Buddha Bless(บูดาเบส), Joey Boy (โจอี้ บอย), Noi Pru (น้อย พรู), โป่ง The Sun, The Paper (เดอะ เปเปอร์), Art Floor (อาร์ทฟลอร์) ที่จะมาระเบิดความมันส์ ตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืน ร่วมเป็นหนึ่งกับปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ ที่ใครๆ ก็พลาดไม่ได้
เพิ่มเติม http://www.yamaha-motor.co.th/News/View.aspx?ID=1002
Sunday, July 26, 2009
ฝนทำพิษ! "ฟีม" แข่งไม่จบที่โดนิงตัน พาร์ค
รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดหนึ่งเดียวของไทยในศึกเวิลด์จีพี ประสบปัญหาอีกครั้งในแข่งขันที่ประเทศอังกฤษ เมื่อฝนตกลงมาก่อนการแข่งขัน จนไม่สามารถเซตรถได้ลงตัว ก่อนจะต้องออกจากการแข่งขันในช่วง 9 รอบสุดท้ายพร้อมกับไร้แต้มติดมือ
จักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกสนามที่ 9 ของรุ่น 250 ซีซี ประจำฤดูกาล 2009 แข่งขันกันที่โดนิงตัน พาร์ค ประเทศอังกฤษ ระยะทางต่อรอบ 4.023 กิโลเมตร ดวลกันทั้งสิ้น 27 รอบสนาม ซึ่งก่อนการแข่งขันมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้แต่ละทีมต้องวิ่งวุ่นในการเซตอัพรถสำหรับทางเปียก
โดยผลงานของนักบิดสังกัดไทย-ฮอนด้า-พีทีที-แซค สนามนี้ต้องวืดแต้มติดมือเป็นเรซที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากออกตัวจากกริดที่ 8 แต่อันดับรูดลงไปถึงที่ 14 เมื่อผ่านรอบแรก จากนั้นฟีมไม่สามารถทำความเร็วได้ ก่อนจะต้องนำรถกลับเข้าพิตและออกจากการแข่งขันในรอบที่ 19 เท่านั้น
ขณะที่ผู้ชนะสนามนี้ตกเป็นของ ฮิโรชิ อาโอยามา ผู้นำคะแนนสะสมจากทีมสก็อตฮอนด้า ที่ทำเวลาฉีกคู่แข่งกระจุย ก่อนจะเข้าเส้นชัยเป็นคันแรก ด้วยเวลารวม 45 นาที 17.516 วินาที โดยมี อัลบาโร เบาติสตา และ มาร์โก ซิมอนเชลลี ตามเข้าป้ายเป็นที่ 2 และ 3 ตามลำดับ
สรุปคะแนนสะสม รุ่น 250 ซีซี
1.ฮิโรชิ อาโอยามา (ญี่ปุ่น / ฮอนด้า) 159
2.อัลบาโร เบาติสตา (สเปน / อพรีเลีย) 144
3.มาร์โก ซิมอนเชลลี (อิตาลี / กิเลรา) 115
4.เฮคตอร์ บาร์เบรา (สเปน / อพรีเลีย) 114
5.แมทเทีย ปาซินี (อิตาลี / อพรีเลีย) 80
*14 รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ (ไทย / ไทย ฮอนด้า พีทีที แซค) 38
เพิ่มเติม http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9520000084544
จักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกสนามที่ 9 ของรุ่น 250 ซีซี ประจำฤดูกาล 2009 แข่งขันกันที่โดนิงตัน พาร์ค ประเทศอังกฤษ ระยะทางต่อรอบ 4.023 กิโลเมตร ดวลกันทั้งสิ้น 27 รอบสนาม ซึ่งก่อนการแข่งขันมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้แต่ละทีมต้องวิ่งวุ่นในการเซตอัพรถสำหรับทางเปียก
โดยผลงานของนักบิดสังกัดไทย-ฮอนด้า-พีทีที-แซค สนามนี้ต้องวืดแต้มติดมือเป็นเรซที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากออกตัวจากกริดที่ 8 แต่อันดับรูดลงไปถึงที่ 14 เมื่อผ่านรอบแรก จากนั้นฟีมไม่สามารถทำความเร็วได้ ก่อนจะต้องนำรถกลับเข้าพิตและออกจากการแข่งขันในรอบที่ 19 เท่านั้น
ขณะที่ผู้ชนะสนามนี้ตกเป็นของ ฮิโรชิ อาโอยามา ผู้นำคะแนนสะสมจากทีมสก็อตฮอนด้า ที่ทำเวลาฉีกคู่แข่งกระจุย ก่อนจะเข้าเส้นชัยเป็นคันแรก ด้วยเวลารวม 45 นาที 17.516 วินาที โดยมี อัลบาโร เบาติสตา และ มาร์โก ซิมอนเชลลี ตามเข้าป้ายเป็นที่ 2 และ 3 ตามลำดับ
สรุปคะแนนสะสม รุ่น 250 ซีซี
1.ฮิโรชิ อาโอยามา (ญี่ปุ่น / ฮอนด้า) 159
2.อัลบาโร เบาติสตา (สเปน / อพรีเลีย) 144
3.มาร์โก ซิมอนเชลลี (อิตาลี / กิเลรา) 115
4.เฮคตอร์ บาร์เบรา (สเปน / อพรีเลีย) 114
5.แมทเทีย ปาซินี (อิตาลี / อพรีเลีย) 80
*14 รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ (ไทย / ไทย ฮอนด้า พีทีที แซค) 38
เพิ่มเติม http://www.manager.co.th/Sport/ViewNews.aspx?NewsID=9520000084544
Harley Davidson Club Dag Utreg
Op 28 juni werd de Harley Davidson Club Dag Utreg gehouden met een keur aan Harley Davidson motorfietsen
die er te bewonderen vielen...
MGS nam natuurlijk zijn
mee en nam als bezoeker een kijkje...
Yes...
It's a bit lonely at the top.
Ik ben binnen... in de schuur
en bij goed weer lig ik soms buiten achter de muur.
Zonder een weinig fanatisme brengt niemand ooit iets tot stand
Soms verrassend, maar altijd dichtbij
"De Heftige Utrechter"The Only Model X V-Twin man left!
Motoring George Spauwen
Motoring George Spauwen
Sponsored by
Victrace Sitebuilding
Victrace Sitebuilding
Subscribe to:
Posts (Atom)