Sunday, January 31, 2010

Tim's 1935 16H Norton


Another set of photos sent to me by Tim. This is his unrestored, rusty, highly original and very useable 16H Norton. What strikes me about this 16H is how good these bikes look when everything is correct. Parts like the 8" headlamp, original handlebars and saddle make all the difference. Let's hope it never gets restored! Read Tim's story below:


"Attached pics of my fossilised 1935 16H. I got this Norton in 2001when I heard about it on the grapevine. I was told a guy had been to see it and had considered it too rusty to restore, so he had not bothered to buy it; I bought it over the phone 10 minutes later. 


It had been stood since the mid 1950s with only the rear chain and battery missing. The oil had run from the tank to the sump and had filled it up with the big end submerged in the oil. The engine was still free and had compression. I sent the magneto off for reconditioning, dismantled and cleaned the 3 brush dynamo and rewired the whole bike. New brake shoes, chains, tyres and new inner cables fitted, I like the look of the old frayed outer cables. Removed the top end and honed the cylinder and re ground the valves. Nice to see the engine number is also stamped on the cylinder base (see picture) not many Norton's around with matching numbers. Also note the correct saddle, handlebar, levers and tank fitments.


The Norton runs as it should and you can give it full throttle for long periods, as it it self governing. When the revs get too high the valves start to float, stopping any further revs, and this does no harm to the engine with it being a sidevalve. Not much of the original paint is left on the bike so I give it a coat of wax-oil every couple of years."


ครั้งแรกในเมืองไทย YAMAHA Automatic Festival 2010 สุดยิ่งใหญ่อลังการ



ร่วมต้อนรับแชมป์โลกโมโตจีพี 5 สมัย วาเลนติโน่ รอสซี่ และ ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ อย่างใกล้ชิด ในงาน มหกรรม ยามาฮ่า ออโตเมติก เฟสติวัล 2010 ครั้งยิ่งใหญ่
พร้อมเปิดตัวรถออโตเมติกรุ่นใหม่ล่าสุดกับพรีเซ็นเตอร์สุดเซอร์ไพรส์ ร่วมทดสอบรถออโตเมติกใหม่ในสนามแข่งสุดท้าทายและสนุกกับกิจกรรมต่างๆ อาทิเช่น

- สัมผัสอย่างใกล้ชิดกับนักแข่งแชมป์โลก และรองแชมป์โลก โมโตจีพี ปีล่าสุด วาเลนติโน่ รอสซี่ และ ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่
- ชมเทคโนโลยีของรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า และความเป็นมาของผู้นำรถออโตเมติกทุกรุ่นใน โดมไฮเทค
- ช้อปของแต่งรถจักรยานยนต์หลากหลายรายการและเสื้อผ้ายามาฮ่าในราคาสุดราคาพิเศษ
- ชมการดวลแข้งระหว่างดาราซุปเปอร์สตาร์ปะทะยามาฮ่าคลับ ชาว Red Deva

และ Yamaha Red Deva Futsal Cup การแข่งขันฟุตซอลของยามาฮ่าคลับชาว Red Deva โดยทีม Release Fino Club จะพบกับ ทีม มหาดไทยฟีโน่ คลับ และ ทีม Red Bike จะพบกับ ทีม My Style Club

- ชิงรางวัลสุดพิเศษแพ็กเกจท่องเที่ยวพร้อมดูการแข่งขัน MotoGP ประเทศมาเลเซีย
- ชมการ MODIFY รถ และ ตกแต่งรถจากช่างผู้ชำนาญ
- ชมรถแต่งออโตเมติกกว่า 200 คัน ร่วมโชว์ไอเดียและความคิดสร้างสรรค์การตกแต่งที่ไร้ขีดจำกัดทางความคิด
Automatic Bike Show By Club จากทั่วประเทศ
- การทดสอบรถออโตเมติกรุ่นใหม่ล่าสุดในสไตล์ DRAG ที่ตื่นเต้นและท้าทาย
- ทดสอบความแรงรถของคุณด้วยเครื่อง DYNO TEST
- โชว์สนุกๆจาก ปอม ปอม เกิร์ล
- ร่วมสนุกกับเกมสไตล์สปอต ของรางวัลเพียบ
- ลูกค้ายามาฮ่าลงทะเบียนรับของที่ระลึกฟรี! พร้อมลุ้นรางวัลในงานอีกเพียบ
- ปิดท้ายด้วยคอนเสิร์ตสุดมันส์จาก Body Slam


เพิ่มเติม http://www.yamaha-motor.co.th/News/View.aspx?ID=1144

c1934 Model 18


Probably a wartime picture, note the blackout cover on the headlamp and the uniform. It looks like a 490cc Model 18, note the open diamond frame. The front fork does not have the check springs that were introduced on all models in 1934 but is the 8" headlamp not a bit later than that? (Picture from http://www.vintagebike.co.uk/)

Saturday, January 30, 2010

"ฟีม" ยึดเบอร์เดิมซิ่ง MOTO2 จับตาสีรถใหม่อาจฉีกแนว

รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดหนึ่งเดียวของไทยในศึกมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลก ยังคงใช้รถหมายเลข 14 ทำศึก MOTO2 ฤดูกาลใหม่ ขณะที่รถแข่งคันใหม่ของเจ้าตัวอาจจะมีการเปลียนสีสันลวดลายไปจากเดิม ตามผู้สนับสนุนหลักปี 2010

สหพันธ์จักรยานยนต์นานาชาติ (เอฟไอเอ็ม) ประกาศรายชื่อพร้อมหมายเลขรถสำหรับนักบิดทั้ง 3 รุ่น ในฤดูกาล 2010 ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งปรากฎว่า "ฟีม" รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ นักบิดไทยยังคงยึดเบอร์ 14 อันเป็นเลขวันเกิดเหมือนในช่วง 2 ฤดูกาลล่าสุด

ส่วนเบอร์รถของนักบิดดังในรุ่น MOTO2 600 ซีซี 4 จังหวะ ซึ่งเป็นรุ่นที่ฝ่ายจัดการแข่งขันกำหนดขึ้นมาใหม่แทนรุ่น 250 ซีซีเดิม ที่น่าสนใจได้แก่ ยูกิ ทากาฮาชิ อดีตนักบิดรุ่นโมโตจีพีใช้เบอร์ 72 ,ไมค์ ดิ เมกลิโอ อดีตแชมป์โลก 125 ซีซี ใช้เบอร์ 63 และเฮคตอร์ เฟาเบล เพื่อนร่วมทีมฮอนดา-สต็อป แอนด์ โก ของฟีมใช้เบอร์ 55

ขณะที่ในรุ่นโมโตจีพี นักบิดชั้นนำของวงการยังคงใช้หมายเลขรถเดิมของตัวเองทั้ง วาเลนติโน รอสซี เบอร์ 46 ,ฮอร์เก ลอเรนโซ เบอร์ 99 ,เคซีย์ สโตเนอร์ เบอร์ 27 ส่วนนักบิดจากรุ่น 250 ซีซีเดิมที่ขยับขึ้นมา มาร์โก ซิมอนเชลลี เบอร์ 58 ,ฮิโรชิ อาโอยามา เบอร์ 7 และอัลวาโร เบาติสตา เบอร์ 19

ด้านความเคลื่อนไหวของการเตรียมตัวสู่ศึก MOTO2 ฤดูกาลใหม่ของรัฐภาคย์ มีการเปิดเผยจากแหล่งข่าวใกล้ชิดว่า รถแข่ง MOTO2 600 ซีซี 4 จังหวะ อาจจะมีการปรับเปลี่ยนสีสันและลวดลายไปจากเดิม ตามสีสันของสปอนเซอร์รายใหม่

โดยใน 3 ฤดูกาลที่ผ่านมารถแข่งของฟีมใช้ลวดลายของ ปตท.จำกัด (มหาชน) บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของไทย เป็นสีหลักมาโดยตลอด ซึ่งแม้ปตท.จะยังคงสนับสนุนฟีมต่อในฤดูกาล 2010 แต่มีความเป็นไปได้ที่อาจมีสปอนเซอร์เจ้าอื่นเข้าเป็นผู้สนับสนุนหลักในปีนี้

เพิ่มเติม http://www.manager.co.th/

ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยส่อแววสดใสรับปีเสือทอง 2553 ฮอนด้าพร้อมก้าวสู่ทศวรรษที่ 3 ของการเป็นผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ไทย 21 ปีซ้อน

ตลาดรถจักรยานยนต์ไทย ปี 2552 ปิดตัวเลขลงอย่างสวยงามที่ 1,535,613 คัน เติบโตลดลงเพียง 10% จากปี 2551 โดยฮอนด้ายังคงครองแชมป์ผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ไทยอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 21 ด้วยยอดจำหน่าย 1,014,118 คัน เทียบเท่าอัตราส่วนตลาด 66% นับเป็นการก้าวสู่ทศวรรษที่ 3 ของการเป็นผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ไทย 21 ปีซ้อน ส่วนภาพรวมตลาดฯส่อแววสดใสรับศักราชใหม่ปีเสือทอง 2553 ด้วยยอดจำหน่ายรวมในเดือนสุดท้ายของปีที่ 147,424 คัน เติบโต 127% เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยฮอนด้าเติบโตสูงขึ้นถึง 136% หลังผลักดันรถแบบ เอ.ที รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดในช่วงหลังของปี ส่งผลให้สัดส่วนการครองตลาดรถประเภท AT ของฮอนด้าสูงขึ้นเป็น 50% ในปัจจุบัน

นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “ตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปีเป็นต้นมา ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ไทยมีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากสภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจากการที่ภาครัฐสามารถรักษาดุลยภาพทางเศรษฐกิจและการเมืองไว้ได้ จึงช่วยเรียกความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับคืนมา โดยตลาดรถจักรยานยนต์ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจในช่วงต้นปี จึงกลับฟื้นสภาพขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้าย และล่าสุดในเดือนธันวาคมที่ผ่านมาตลาดรวมมีการเติบโตสูงขึ้นกว่าปีก่อนหน้าถึง 127% จาก 116,024 คันในเดือนธ.ค.ปี 51 เป็น 147,424 คันในเดือนธ.ค.ปี 52 โดยฮอนด้าเองก็เติบโตสูงขึ้นกว่าปีก่อนหน้าถึง 136% จาก 72,683 คันเดือนธ.ค.ปี 51 เป็น 98,946 คันในเดือนธ.ค.ปี 52 ด้วยเหตุนี้เองจึงส่งผลให้ยอดขายรวมทุกยี่ห้อในปี 52 ปิดตัวเลขลงอย่างสวยงามที่ 1,535,613 คัน หรือเติบโตลดลงเพียง 10% จากปีก่อนหน้า โดยฮอนด้ายังคงครองแชมป์ผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ไทยอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 21 ด้วยยอดจำหน่าย 1,014,118 คัน เทียบเท่าอัตราส่วนตลาด 66% นับเป็นการก้าวสู่ทศวรรษที่ 3 ของการเป็นผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ไทย ซึ่งทางฮอนด้าขอขอบคุณผู้อุปการะคุณทุกท่าน ที่ให้ความไว้วางใจในรถจักรยานยนต์ฮอนด้าด้วยดีอย่างต่อเนื่องเสมอมา และความไว้วางใจนี้จะเป็นแรงผลักดันให้ฮอนด้ามุ่งมั่นพัฒนารถจักรยานยนต์ที่เพียบพร้อมเทคโนโลยีใหม่ๆให้สอดรับความต้องการของผู้ใช้ชาวไทยอย่างเหนือความคาดหมาย และรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อโลกอันสวยงามใบนี้” นายธีระพัฒน์ กล่าวสรุป

ด้านตลาดรถประเภท AT ที่ฮอนด้าเพิ่งวางตลาดรุ่นใหม่ล่าสุดไป 2 รุ่นในช่วงหลังของปีทั้ง Honda Scoopy I & Honda PCX นั้น ปรากฏว่าในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ตลาดรวมรถ AT มีการเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 125% ที่ ยอดรวม 68,793 คัน ในจำนวนนี้เป็นยอดจำหน่ายฮอนด้าเอทีที่ 34,474 คันเทียบเท่าสัดส่วนตลาด 50% เป็นการครองสัดส่วนตลาดสูงสุดในรถประเภทเอทีติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 โดยมี 2 รุ่นหลักยอดนิยมทั้งฮอนด้าคลิก ไอ ที่ 15,358 คัน และ ฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ ที่ 15,085 คัน

ในด้านการผลักดันรถจักรยานยนต์ระบบหัวฉีดออกสู่ตลาดของฮอนด้าอย่างจริงจังตั้งแต่กลางปี 2551 ที่ผ่านมา ล่าสุดในช่วงปลายปี 2552 สัดส่วนตลาดรถแบบหัวฉีดได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเพียง 23% ในเดือนมกราคม มาเป็น 50% ในเดือนธันวาคม หรือโดยเฉลี่ยทั้งปี รถแบบหัวฉีดมีสัดส่วนตลาดที่ 43% ซึ่งฮอนด้าในฐานะผู้บุกเบิกเทคโนโลยีใหม่มาสู่สังคมไทยคาดการณ์ความนิยมในรถแบบหัวฉีดในปี 2553 จะยิ่งเติบโตมากยิ่งขึ้น และมีสัดส่วนเกินกึ่งหนึ่งของตลาดอย่างแน่นอน

สำหรับรายงานตัวเลขตลาดรถจักรยานยนต์ทุกประเภทในเดือนธันวาคม มียอดจดทะเบียนรวมที่ 147,424 คัน แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์แบบครอบครัว 71,790 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 49% แบบ เอ.ที. 68,793 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 47% แบบครอบครัวกึ่งสปอร์ต 3,550 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 2% แบบสปอร์ต 1,069 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 1% และแบบออฟโรดรวมประเภทอื่นๆ 2,222 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 2%

ส่วนยอดจดทะเบียนรวมของทั้งปี 2552 อยู่ที่ 1,535,613 คัน เติบโตลดลง 10% จากปีที่ผ่านมา โดยรถจักรยานยนต์ประเภทครอบครัวครองความนิยมสูงสุดที่ 755,599 คันเทียบเท่าสัดส่วนตลาด 49% รถแบบ เอ.ที. จำนวน 715,801 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 47%, รถแบบครอบครัวกึ่งสปอร์ตจำนวน 37,286 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 2%, รถแบบสปอร์ต 11,567 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 1% และแบบออฟโรดรวมทั้งรถประเภทอื่นๆ 15,360 คัน เทียเท่าสัดส่วนตลาด 1%

สำหรับอัตราครองตลาดในปี 2552 ของแต่ละผู้ผลิตมีดังนี้ รถจักรยานยนต์ฮอนด้า 1,014,118 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 66%, ยามาฮ่า 428,774 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 28%, ซูซูกิ 63,026 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 4%, คาวาซากิ 14,801 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 1%, เจอาร์ดี 1,537 คัน, แพล็ตตินั่ม 1,059 คัน, ไทเกอร์ 1,143 คัน และอื่นๆ 11,155 คัน

เพิ่มเติม http://www.newswit.com/

Friday, January 29, 2010

Tim's 1929 M18 Norton

Another very nice 1929 M18 Norton; this one belongs to Tim from the UK:


"Thought I would send you a few pics of my 1929 Model 18. I've had her for near on 18 years and been all over on her. Its in near original condition apart from the rear mudguard as I had to fit a new one a few years ago when the old one disintegrated as it was full of stress cracks and I had welded it many times. Not too sure about the early amal carb, it could be right as it has no side mounted tickover screw. Gear change altered before I got her but its so easy to change gear with it like that. The Brooklands can is staying as it makes a great sound coming up through my piss pot helmet. Paint work worn through in places but that's how I like them. Came from Bennett's in Southampton and it's history is known from after the war. It's one bike I would never part with."

Interestingly, Tim also owns a Duzmo; follow this link for the complete story.

Thursday, January 28, 2010

A Triumph TT De Luxe Motorcycle inspired Time Machine




I suppose this bike started about a year ago when I saw one of the scramblers on eBay. There was just something that drew me to that bike like a cop to a doughnut. I called a buddy of mine who has a salvage business (I do his paint) and told him to be on the look out for a new Triumph, I didn't care what just something affordable. About two weeks later he called and said he found an '06 Bonneville black on an auction that had smoke damage. We wound up winning it for $300.00!

As winter drew near and "new project" time got closer I decided to use this for a donor bike – something a little different from the norm, while being modern and reliable, and yet still cool. So I had a power plant, and no idea what to build around it. I did some research on 1900's to 1930's European bikes of all types and tried to make a mental note of what was cool. I suppose that the main things that stuck out were the tank style (loosely after a 1910 Triumph), the druid style front end, the knobbies, center stand, and friction steering dampener.

For the frame, I went with a lugged design for some extra detail, and made the cradle removable to help stick with that European style. I did the jackshafted drive to clean up the right side of the wheel, and really to just try something different. Once I got that figured out is when I decided to try a drum rear brake mounted to the jackshaft. I tried several old drums of different makes but nothing was quite right so I had to hunker down and make one. I wound up using aluminum, which I heat-shrunk a sleeve into. The real pain in the arse on this was making it all fit together without too much runout.

Early one Saturday morning I mounted a sort of traditional rear fender and bicycle seat. It was pretty cool but it just didn't do it. Later that night I sat down with a print-out of the bike up on the table and started drawing. I loosely sketched the café boat tail thing, and SHIZAAM – it was awesome. I went to the shop the next morning and got started bending up some rod! I suppose this is where the whole project shifted gears from classy antique custom to 1900-ish café racer sort of thing. Race bike in mind, the 2-into-1 lakester pipes and drop bars fit naturally. Another thing I really wanted was inverted levers. Not wanting to copy what Dave Cook is famous for, I called him up and wound up getting away with the very first set of stainless levers he has ever made.

For paint I wanted to stay sort of scalloped style (Triumph thing). The logos on the tank are copper leaf versions of the 1910-1914 triumph logo. The "3" has nothing to do with NASCAR, this is my third complete bike build, and yes, the other two are numbered as well. My wife, Lindsay, and I spent evenings at the kitchen table doing the leather work. The wiring on this bike was probably the biggest challenge. A modern engine with all the emissions and safety crap has a wiring diagram that looks like a bowl of spaghetti noodles. At first I went through a lot of trouble to find someone who'd tackled the task before.....no luck. It seems everyone who's ever done one of these simply stuffs the entire factory harness and all of its "mystery boxes" into a fake oil tank, which was not the route I wanted to take. I sat down with a factory diagram, the original harness, and a volt-ohm meter, around 30 or so hours later I had myself what is apparently the first ever chopper-style wiring schematic for a modern Triumph in existence. A lot of headaches, but I now have some pretty clean wiring that only uses what I need – no horn, no dimmer, no emissions, no safety crap, just good old spark, charging, and lights.

Tech Sheet

Year and Make: 2008 Special Construction
Model: TT Deluxe
Assembly by: LC Fabrications
Time: 6 months
Chroming: none

Engine
Year: 2006
Model: Triumph
Rebuilder: Jeremy Cupp
Ignition: nology
Displacement: 865cc
Carb: Keihin CR
Air cleaner: Strom 97
Pipes: 2 into 1 by LC Fabrications


Transmission
Modifications: Jackshafted final drive


Painting
Molding: LC Fabrications
Painter: LC Fabrications
Color: Black/Tan
Type: Chromabase

Frame
Year: 08
Builder: LC Fabrications
Rake: 28 or so
Stretch: lots in backbone
Other: removable cradle

Accessories
Bars: LC Fabrications
Headlight: eBay
Taillight: LC Fabrications
Front Pegs: LC Fabrications
Electrics: LC Fabrications
Gas Tank: LC Fabrications
Seat: Jeremy and Lindsay Cupp

Forks
Type: Druid
Builder: LC Fabrications
Special Features: Friction dampers

Wheels
Front
Size: 19
Hub: conical mini drum
Rim: cheap
Rear
Size: 19
Hub: H-D
Rim: cheap
Tires: Firestone military bias
Brakes: drum on jackshaft

(Bron:)

[horsman1925.jpg]

Victor Horsman with his Triumph TTracer

600 cc 1925 at Brooklands

Ain't Nothing Like the Real Thing


SO

HET IS GELUKKIG NIEUWJAAR

STEEDS VERASSEND, ALTIJD DICHTBIJ

Motoring George Spauwen


R.T. Grogan wins again.

In this picture R.T. Grogan has just won the 1000cc Three Laps Handicap Race at Brooklands on the 18th of August 1923.


The bike is a 490cc Model 18 and appears to be the same motorcycle as he used to win the 200 miles solo race in 1924; he did fit other handlebars though.

Wednesday, January 27, 2010

เปิดบิ๊กไบค์ 'เคทีเอ็ม'จากออสเตรีย



"คุณค่าฯ" จับมือสองค่ายบิ๊กไบค์ นำเข้ารถจักรยานยนต์ยี่ห้อใหม่จากออสเตรีย และแคนาดา ขายในไทย มั่นใจลูกค้าให้ความสนใจ พร้อมเปิดโชว์รูมใหม่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ และกิจกรรมการตลาด รับยอดขาย 80 ล้านบาทภายในปี 2553 นี้ ส่วนตลาดต่างจังหวัดเตรียมขยายไปยังภาคเหนือและอีสาน


ขยายไปยังภาคเหนือและอีสาน
นายพิสิทธิ์ คุณานันทกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คุณค่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ หรือบิ๊กไบค์ ยี่ห้อ "เคทีเอ็ม" ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับพรีเมียม จากออสเตรีย และ CAN-AM SPYDER อีก 2 รุ่น ตอบสนองความต้องการของฐานลูกค้าที่มีความชื่นชอบรถจักรยานยนต์สปอร์ตคุณภาพสัญชาติยุโรป โดยรถรุ่นดังกล่าวจะมีการเผยโฉมครั้งแรกในงาน "บางกอก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2010" (Bangkok Motorbike Festival 2010) ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 28-31 มกราคมนี้ที่เซ็นทรัล เวิลด์
สำหรับยอดการจดทะเบียนจักรยานยนต์ปีที่แล้ว 1,500,000 คัน โดยตลาดรถบิ๊กไบค์มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ 13,138 คัน เช่นเดียวกับรถประเภทสปอร์ต ที่มีจำนวน 10,498 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งประมาณ 1% เท่าๆกัน คาดว่าปี 53 ทั้ง 2 ส่วนน่าจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 10-15% เพราะสภาพเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวและการเมืองนิ่งขึ้น และเนื่องจากรถจักรยานยนต์กลุ่มนี้ยังเป็นกลุ่มที่มีฐานตัวเลขที่ไม่สูงมาก อีกทั้งเป็นปีที่ประเทศไทยเริ่มใช้ข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) ภาษีนำเข้าลดลงเป็นศูนย์ ส่งผลให้ราคารถประเภทนี้มีราคาถูกลง ผู้ที่ชื่นชอบรถกลุ่มนี้สามารถจับต้องเป็นเจ้าของได้มากขึ้น เป็นปัจจัยกระตุ้นให้ตลาดบิ๊กไบค์มือหนึ่งเข้ามาแชร์ตลาดจากมือสองเพิ่มขึ้น ในส่วนบริษัทตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 80 ล้านบาท
ทั้งนี้เคทีเอ็ม จัดเป็นแบรนด์รถจักรยานยนต์ที่มีประวัติศาสตร์และผลงานมายาวนาน รวมถึงมีความหลากหลายในการพัฒนาสินค้ามากที่สุดในทุกกลุ่ม ทั้งที่เรียกว่า สตรีตไบค์( street bike) และเรซไบค์ ( race bike) รวม 30-40 โมเดล โดยเคทีเอ็มได้มีการแต่ตั้งให้บริษัท คุณค่า คอร์ปอเรชั่นฯ เป็นผู้นำเข้าและ จัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
นอกจากนี้บริษัทจะได้เปิดตัวจักรยานยนต์ CAN-AM SPYDER อีก 2 รุ่น คือ รุ่น RS ปี 2010 และ รุ่น RT ซึ่งเป็นโมเดลล่าสุดจากแคนาดา BRP (Bombardier Recreational Product) และถือเป็นการเผยโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรกแห่งภาคพื้นเอเชียอีกด้วย โดยเฉพาะ RT เป็นสีสันของงาน เนื่องจากเป็นลูกผสมของจักรยานยนต์และรถสปอร์ต 100 แรงม้า โดย CAN-AM SPYDER เป็นอีกแบรนด์หนึ่งที่บริษัทได้สิทธิ์เป็นผู้แทนจำหน่าย แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยเช่นกัน

สำหรับแผนการตลาดเพื่อรองรับการบริการทั้ง 2 แบรนด์ บริษัทเตรียมสร้างโชว์รูมแห่งใหม่ใจกลางเมืองบนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ นอกเหนือจากโชว์รูมเดิมที่ศรีนครินทร์ โดยโชว์รูมแห่งใหม่ ประกอบด้วยส่วนแสดงยนตรกรรมและส่วนให้บริการ คาดว่าโชว์รูมแห่งใหม่จะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่สองของปีนี้

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะขยายโชว์รูมไปยังภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือภายในปีนี้ มุ่งเน้นการจัด event เพื่อสื่อสารกับลูกค้าเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง สำหรับแผนการสร้าง brand loyalty โดยจะมีบริการและสินค้าอุปกรณ์เสริม อุปกรณ์ตกแต่งครบครัน รวมถึงมีมุมเลานจ์ดีไซน์ทันสมัย เพื่อการพบปะสังสรรค์ของสังคมคนรัก KTM และจัดตั้ง Rider club ขึ้นในอนาคตอันใกล้ รวมถึงใช้การกลยุทธ์การตลาดด้าน CEM (Customer Experiential Marketing) มาประยุกต์ใช้สร้างความแตกต่างที่ไม่เหมือนใคร โดยเปิดให้ผู้สนใจได้ทดลองและสัมผัสสมรรถนะความแรงที่โชว์รูม รวมถึงจะมีแผนการ Test Drive Activities อย่างต่อเนื่อง


เพิ่มเติม http://www.thannews.th.com

Guestwriter Gaston Vanzet

Gaston,
Can You All manage this summer...?
Here on the news they told that it is 40 degrees Celsius
and You may not make a fire in the bush because of fire-alarm.
So I hope You can manage it...
Than last but not least:
The links on your blog works fine now...
Keep it Cool ...Than I will keep it warm!
Here it is still winter freezing cold and a bit snowy....
Success!
MGS.

Hi George,
Last weekend I went to the Philip Island Classic races. This is a Australia vs. Briton, New Zealand, South Africa event. It is a great weekend...lots of classic and vintage bikes, a very casual event which means it is OK for the spectators to walk around the pits and the riders are happy to talk to everyone. We can get up close to the machines and some of the hero riders from many years ago. However this year there where not so many vintage bikes. I was thinking of you and trying to get some photos of motorcycles that the DVMA enthusiasts would like to see.

Here are as few that I found that might interest you.

Also the Batbike for your movie motorcycle set, we can't forget that one...

I want to draw that one one day.
Our summer is not as hot as last year when we had the fires but it was 49 degrees Celsius
at a place near us the other day. Man alive we could cook an egg on the car roof.
I hope all that you DVMA members are well and happy.
I check your website nearly every day.

Kind Regards - Gaston

Here is another one showing the track a little bit ..
i should have taken more photos of the track..a very sunny day...
the ocean is in the background.

Philip Island has a beautiful race track but the very strong winds off the ocean blows down the front straight and sometimes the older bikes struggle against this wind. The track is also too long for the old bikes. Many old machines suffer mechanical problems over the four days of racing. One racer told me that they only practice on the Friday because they do not want to wear out their machine before the race days.

Hope this is interesting - Gaston

Text & Photo's:
Guestwriter Gaston Vanzet, Australia

For Sure it is...

Thanks!

SO

HET IS GELUKKIG NIEUWJAAR

STEEDS VERASSEND, ALTIJD DICHTBIJ

Motoring George Spauwen


Tuesday, January 26, 2010

Retro-John

Triumph pre-unit - a real classic ride
Retro-John What's in a name ?

Voor prachtige pre-unit Triumph T-shirts...

enkele voorbeelden:
Met Retro-John logo...

In Black...
and in White

RETRO-JOHN

SO

HET IS GELUKKIG NIEUWJAAR
STEEDS VERASSEND, ALTIJD DICHTBIJ

Motoring George Spauwen