Sunday, February 28, 2010

As Others See Us


This is a 1936 Norton brochure (contributed by Wim); too large to reproduce properly on a Blog page but the introduction (copied below) says it all:

"Here are a few letters of appreciation that we have recently received. We did not ask for them - they were sent spontaneously - obviously as the result of the enthusiasm aroused by the splendid performance of the "Unapproachable" NORTON. As you read these letters it must be perfectly clear that only a machine quite out of the ordinary could provoke such genuine approval."


This photo from the brochure shows Jimmy Guthrie on what appears to be a trials version of the M30 International. Fitting an obsolete acetylene lighting kit must have been less work than fitting a magdyno!

ฮอนด้าเอทีแรงไม่หยุด



เปิดศักราชใหม่ด้วยยอดสูงมากกว่า 40,000 คัน กวาดแชร์ถึง 57%ดันยอดรวมเดือนแรกของปีสูงถึง 139% ฮอนด้านำโด่งที่ 72% ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยร้อนแรงรับต้นศักราชใหม่ ส่งสัญญาญเศรษฐกิจขาขึ้น แค่เดือนแรก ปี 2553 มียอดจดทะเบียนรวมสูงถึง 153,312 คัน สูงถึง 139 % มากกว่าปีที่ผ่านมาในช่วงเวลาเดียวกัน ค่ายฮอนด้าผู้นำตลาด 21 ปีซ้อนโกยยอดรวมเดือนมกราคมสูงถึง 110,731 คัน เทียบเท่าสัดส่วนครองตลาดที่ 72 % โดยเฉพาะฮอนด้าเอ.ที.แรงไม่หยุดด้วยยอดจำหน่ายพุ่งกระฉูดถึง 40,443 คัน เทียบเท่าสัดส่วนครองตลาดที่ 57% นำโดยฮอนด้า สกู๊ปปี้ไอ ที่กระแสตอบรับแรงไม่มีตก ตามด้วยฮอนด้า คลิกไอ และล่าสุดพี่ใหญ่ในกลุ่มเอที ฮอนด้าพีซีเอ็กซ์ติดอันดับท๊อป 10 รถยอดนิยม ตอกย้ำความเป็นผู้นำรถจักรยานยนต์ไทยกับเทคโนโลยีระบบหัวฉีด PGM FI ที่ล่าสุดกินส่วนแบ่งตลาดไปแล้วกว่า 54%



นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า "ภาพรวมเศรษฐกิจไทยจากช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมาที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้ส่งสัญญาณขาขึ้นรับศักราชใหม่ในเดือนมกราคม ด้วยยอดจำหน่ายรวมทุกยี่ห้อสูงถึง 153,312 คัน เติบโตสูงกว่าเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้าถึง 139% และเติบโตต่อเนื่องจากเดือนธันวาคมอีก 104% โดยฮอนด้าเองมียอดจำหน่ายสูงถึง 110,731 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 72% เติบโตขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 158% ในจำนวนนี้ฮอนด้าเอทีมีการเติบโตสูงสุดด้วยยอดจำหน่ายในเดือนมกราคมนี้ถึง 40,443 คัน สูงที่สุดในประวัติการจำหน่ายรถแบบเอทีทุกยี่ห้อที่ผ่านมา เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 57% นำโดยฮอนด้าสกู๊ปปี้ไอ ฮอนด้า คลิก ไอ และล่าสุด ฮอนด้า พีซีเอ็กซ์ พี่ใหญ่ในกลุ่มเอทีที่ติดอันดับ Top 10 รถยอดนิยมประจำเดือนมกราคม นับเป็นความไว้วางใจอย่างสูงสุดที่ผู้ใช้มีต่อฮอนด้าเอทีที่เป็นระบบหัวฉีด PGM FI และยังส่งผลให้สัดส่วนความนิยมในรถแบบหัวฉีดพุ่งสูงขึ้นถึง 54% ในเดือนที่ผ่านมาอีกด้วย ซึ่งฮอนด้ามั่นใจว่ากระแสการตอบรับในรถแบบหัวฉีดจะยิ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยฮอนด้าเองก็พร้อมนำเทคโนโลยีใหม่ๆ สู่ตลาดอยู่เสมอ ขอให้ผู้ใช้ติดตามความเคลื่อนไหวของฮอนด้าอย่างต่อเนื่อง"

ด้านรายงานตัวเลขตลาดรถจักรยานยนต์ทุกประเภทเดือนมกราคม 2553 ซึ่งเป็นเดือนแรกของศักราชใหม่ 2553 ปีเสือทองนั้น มียอดจำหน่ายรวมที่ 153,312 คัน แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์แบบครอบ ครัว 75,930 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 50% นับเป็นรถประเภทที่ได้รับความนิยมสูงสุด ในขณะที่ค่ายฮอนด้าที่เป็นผู้นำตลาดนั้น มีอัตราครองตลาดในกลุ่มรถประเภทครอบครัวนี้ถึง 87% สำหรับรถจักรยานยนต์แบบ เอ.ที มียอดจดทะเบียนรวมที่ 70,365 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 46% แบบครอบครัวกึ่งสปอร์ต 3,820 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 2% แบบสปอร์ต 1,236 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 1% และแบบออฟโรดรวมประเภทอื่นๆ 1,961 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาดกว่า 1%

สำหรับสัดส่วนการจดทะเบียนรถแบบหัวฉีด ล่าสุดในเดือนมกราคมมีสัดส่วนที่ 54% เทียบเท่าจำนวน 83,111 คัน เติบโตขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 112% ในจำนวนนี้เป็นฮอนด้าหัวฉีด PGM FI ที่ 81,760 คัน

ในขณะที่หากแบ่งแยกเป็นยอดจดทะเบียนตามประเภทของผู้ผลิต รถจักรยานยนต์ฮอนด้า 110,731 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 72% เติบโตขึ้น 112% จากเดือนก่อนหน้า, ยามาฮ่า 34,570 คัน อัตราครองตลาด 23% เติบโตลดลง 85% จากเดือนก่อนหน้า, ซูซูกิ 4,803 คัน อัตราครองตลาด 3% เติบโตลดลง 99% จากเดือนก่อนหน้า, อื่นๆ ได้แก่ คาวาซากิ 1,798 คัน , เจอาร์ดี 35 คัน, แพล็ตตินั่ม 44 คัน, ไทเกอร์ 222 คัน และอื่นๆ 1,109 คัน

เพิ่มเติม http://www.aphonda.co.th/2010/2010_page023.asp?id=2182

"ฮอนด้า คลิก ไอ" ชวน "บี้ เดอะสตาร์" เดินสายกิจกรรมความสนุก

นางจุฑามาศ อินปริงกานันท์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารการตลาด ส่วนงานวางแผนธุรกิจ บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด รุกเดินหน้ากิจกรรมชวนนักร้องหนุ่มอารมณ์ดี มากความสามารถ "บี้ เดอะ สตาร์ (นายสุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว)" พรีเซนเตอร์รถจักรยานยนต์ เอ.ที ยอดนิยมอันดับหนึ่ง รุ่น ฮอนด้า คลิก ไอ ระบบหัวฉีด เดินสายโชว์ความหล่อ แบบเฉียบ คม เท่ กับการเปิดตัวมินิอัลบั้ม It's alright ในงานแถลงข่าวกิจกรรม Road Show Mini Concert: Honda Click i Meet & Greet with Bie ณ บริเวณกิจกรรมศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิร์ล เมื่อเร็วๆ นี้
โดยตารางกิจกรรมความสนุกที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้ จะเดินสาย Road Show ไปกับคุณบี้ ต่อเนื่องติดต่อกันตลอดเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ ในวันที่ 12 มีนาคม 2010 ณ ลานลีการ์เด้นท์ หาดใหญ่, วันที่ 19 มีนาคม 2010 ที่ เซ็นทรัลพลาซ่า จ.ขอนแก่น และ 26 มีนาคม 2010 ที่ เซ็นทรัลแอร์พอร์ท จ. เชียงใหม่


เพิ่มเติม http://www.aphonda.co.th/2010/2010_page025.asp?id=2185

Saturday, February 27, 2010

1928 ES2 Norton



For sale at eBay Motors UK; a 1928 ES2 Norton described by the seller as follows: "500cc OHV numbered ES 38199, no frame number, gearbox number CR7858. Everything is in good shape and really only needs repainting."


A very optimistic view on a restoration! It's a nice project and most of it seems to be there (except for the TT Webbs and the Binks carb) but it's not a bargain at a fixed price of £11000. Still one should consider that 1930s side valve Nortons are priced between 8000-10000 euro nowadays and in that perspective it's not excessive.

Click here to go to Ebay Motors UK. 

An envelope


Another contribution from Martin in the USA:

"This is the back of an envelope I purchased several years ago. It was mailed from Tallinn, Estonia (a country in north-eastern Europe) on October 31, 1935. It was sent to the RCA Victor Company, Inc in Camden, New Jersey, USA.

Has anyone ever heard of Mr. Freybach? Maybe a racer or "local hero"? According to Google Translate, "masinate kauplus" means "machinery shop". Maybe he was a dealer or motorcycle tuner of note? Whoever he was, he went to the expense of having his envelopes personalized."
 

The motorcycle appears to be a modified 1931 ES2; the magneto is behind the engine but it still has the Royal Enfield rear hub and the exhaust pipe on the left hand site.

Thursday, February 25, 2010

Size matters


Many things grow taller in their lifespan; which also holds for the size of the petrol tanks fitted to flat tank Nortons. Comparing three tanks that were made in the early- and the late 1920s I found that all of them had an overall length of 58-60cm. However, their width varied dramatically and at their widest point they measured 23cm, 29cm and 36cm!


The picture shows the early 1920s tank next to the tank of the 1927 OHV machine that I have just bought. The large tank has a very large filler opening and a vent to allow air to escape upon rapid filling. The tank was enlarged by the addition of an extra compartment at the bottom. All of this suggest a tank that was made for use in some sort of competition.

Wednesday, February 24, 2010

2 ล้อระอุ ฮอนด้าปล่อย Wave 110 i AT



ฮอนด้า เพิ่มทางเลือกให้กับรถครอบครัว เปิดตัว “ฮอนด้า เวฟ 110 ไอ เอที” ใช้เทคโนโลยีใหม่ระบบ ซีวีเมติค (CV-Matic) หรือ ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติสำหรับรถครอบครัว ชูประหยัดน้ำมัน ทนทาน ขับขี่ง่าย ไม่ต้องเข้าเกียร์ มั่นใจเจาะตลาดคนรุ่นใหม่ ตั้งเป้าจำหน่ายที่ 50,000 คันต่อปี พร้อมเปิดราคาช่วงแนะนำ44,900 บาท วางจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 1 มีนาคม ศกนี้

เซนจิโร่ ซากุราอิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า เมื่อปลายปีที่ผ่านมา รถครอบครัวของฮอนด้าทั้งฮอนด้า ดรีมและฮอนด้า เวฟมียอดการจำหน่ายสะสมสูงถึง 10 ล้านคัน นับเป็นซีรี่ส์ยอดนิยมที่มียอดจำหน่ายสะสมที่สูงที่สุดในประวัติการจำหน่าย รถจักรยานยนต์ในประเทศไทย

ล่าสุดฮอนด้าจึงเพิ่มทางเลือกใหม่ให้กับรถครอบครัวยอดนิยมของไทยด้วยเทคโนโลยีใหม่ระบบซีวีเมติค (CV-Matic) หรือ ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติสำหรับรถครอบครัว ที่ได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่นี้ที่ประเทศญี่ปุ่นไปเมื่อปลายปี 2009 ที่ผ่านมา

“โดย พื้นฐานแนวคิดในการพัฒนาเทคโนโลยี CV Matic ให้กับรถครอบครัวตระกูล Honda Wave110i นี้เกิดจากความต้องการของผู้บริโภคที่ว่า จะดีแค่ไหนถ้าความทนทาน และการประหยัดน้ำมัน มาอยู่รวมกันกับความสะดวกสบายอย่างรถเอ.ที. จึงเป็นที่มาของ Honda Wave110i-AT รถครอบครัวเอ.ที. รุ่นใหม่ล่าสุด ที่เป็นระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ขับขี่ง่ายเข้าเทรนด์ ไม่ต้องเข้าเกียร์ แต่ยังคงประหยัดน้ำมัน และทนทาน ในแบบของฮอนด้าเวฟต้นตำรับเหมือนเดิม”

สำหรับ เทคโนโลยีระบบ ซีวีเมติก (CV-Matic) หรือ ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ สำหรับรถครอบครัว คือ เทคโนโลยีใหม่ ล่าสุดที่ฮอนด้าพัฒนาขึ้นโดยใช้พื้นฐานของ ระบบขับเคลื่อนด้วยโซ่ ตามสไตล์ที่คุณคุ้นเคยแบบรถครอบครัว ผสานกับชุดส่งกำลังที่เป็นระบบสายพาน V-Matic ในรถเอ.ที. ทำให้ขี่ง่ายขึ้น แบบไม่ต้องเข้าเกียร์ และยังคงข้อดีในแบบรถครอบครัวไว้อย่างครบครัน ทั้งระบบคลัทช์เปียกที่ให้ความทนทานมากขึ้น และระบบระบายความร้อนทรงประสิทธิภาพ ช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนาน ที่สำคัญยังคงความประหยัดน้ำมันในแบบที่คนรักฮอนด้า เวฟ ทุกคนชื่นชอบ

ฮอนด้า เวฟ 110 ไอ เอที รถครอบครัวระบบเอ.ที คันใหม่ ยังมาพร้อมหัวใจสำคัญของการขับขี่ในยุคนี้ ด้วยเทคโนโลยีระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM-FI เครื่องยนต์ 110 ซีซี 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยอากาศ ให้อัตราการประหยัดน้ำมันมากถึง 53 กม./ลิตร (ทดสอบตามมาตรฐาน ECE 40 MODE) พร้อมคุณประโยชน์ต่างๆ จากฮอนด้าหัวฉีดครบถ้วน ทั้งประหยัดน้ำมัน, ให้ไอเสียที่สะอาดผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ 6 รองรับน้ำมัน E20, ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีขึ้น, ใช้งานนานหายห่วงกับการรับประกันคุณภาพอุปกรณ์ระบบหัวฉีด PGM-FI นานถึง 5 ปี หรือที่ 50,000 กิโลเมตร และรับประกันทั้งคัน 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร พร้อมด้วยคุณภาพอะไหล่แท้กับช่างระดับมาตรฐานที่มีรองรับทั่วประเทศ

ฮอนด้า เวฟ 110 ไอ ใหม่ ระบบเอ.ที มากับกระจังหน้าดีไซน์ล้ำ รูปทรงตัว V ไฟบอกตำแหน่งทรงตาเหยี่ยว ผสมกลมกลืนกับไฟหน้าชุดเดียวกับไฟเลี้ยว อีกทั้งกล่องเก็บของใต้เบาะที่เก็บของได้ถึงใจ, แผ่นกันความร้อนท่อไอเสียแบบโครเมียม, วงล้อ 17 นิ้ว หน้ายางขนาดใหญ่ พร้อมดิสก์เบรกหน้า ลุยได้ทุกสภาพถนน พร้อมคันสตาร์ทเท้าด้านซ้าย และเบรกหลังที่ตำแหน่งเท้าขวาในรูปแบบการขับขี่ที่คุ้นเคย หน้าปัดเรือนไมล์สไตล์ใหม่, ช่องดักลมข้างรถแบบปีกนก และช่วงท้ายมีที่จับหลังสีสันเดียวกับตัวรถ

ด้านเทคโนโลยีความปลอดภัยมีครบทั้ง ระบบกุญแจนิรภัยสองชั้น (Automatic Key Shutter) ที่ถูกออกแบบให้มีม่านปิดอัตโนมัติทันทีที่ดึงกุญแจออกเพื่อล็อคคอรถ, Brake Lock Knob ที่ล็อคเบรกขณะจอด, Side Stand Switch สวิตซ์ตัดการทำงานของเครื่องยนต์ เมื่อเอาขาตั้งข้างลง พร้อมระบบสตาร์ทนิรภัย Safety Starter ขณะสตาร์ททุกครั้งต้องกำเบรกหรือเหยียบเบรกหรือล็อคเบรก ทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย และป้องกันเหตุไม่คาดคิดจากการเผลอบิดคันเร่งในขณะจอด

ฮอนด้า เวฟ 110 ไอ ระบบเอ.ที. นี้ จะวางจำหน่ายควบคู่กับฮอนด้า เวฟ 110 ไอ ที่เป็นระบบเกียร์ เพื่อเป็น 2 ทางเลือกใหม่จากฮอนด้า เวฟ 110 ไอ ทั้งนี้ ฮอนด้าเวฟ 110 ไอ เอที ใหม่ จะวางจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมนี้เป็นต้นไป โดยมีราคาแนะนำในช่วงเริ่มต้นที่ประมาณ 44,900 บาท ตั้งเป้าหมายการจำหน่ายทั้งสิ้น 50,000 คันต่อปี โดยมี “แดน” วรเวช ดานุวงศ์ และ “น้ำชา” ชีรณัฐ ยูสานนท์ เป็นพรีเซนเตอร์


เพิ่มเติม http://www.mocyc.com/news/view.php?category=1&idnews=328


1927 Flat Tank Norton


This is my latest acquisition and the reason for selling my M30 Inter. A 1927 OHV Norton with some very interesting features. I'm still talking to the experts to find out what it is exactly, the complete story is to follow.

Tuesday, February 23, 2010

Motorcycle Swap Meet

Motorcycle Swap Meet


I made it out to the Fort Worth Texas Scooter Times Motorcycle Swap Meet last Sunday. I went early with two of my sons; Joshua and Jacob with my grandson Ryan. There were a few vendors still getting set up but the majority of them were ready for business. There were all types of vendors and wares for sale from all over Texas.

We saw stuff for guys, gals and kids. Of course, almost all of the miscellaneous motorcycle parts were for Harley’s. I think you could have purchased all the parts there to put together a complete bike.


The swap meet seemed to be well attended with a lot of people going through and carrying armloads stuff they had purchased.

Jake bought a pickup piggybank for Ryan which he pushed around making engine sounds on our second time around the swap meet.

Ryan on the strangest ride out there

Of course I did not get out unscathed and purchased a raccoon tail for Joshua. We were there about an hour and a half and headed home. Texas Scooter Times has Swap Meets scheduled for Houston and San Antonio in the near furure. They have a Video walk through on their website. Be sure and check one out when they come to a town near you.

Ride on,
Torch

Monday, February 22, 2010

พรีวิวBMWซูเปอร์ไบค์4รุ่นใหม่บุกมอเตอร์โชว์

ช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว สินค้าหรูหรา เริ่มคึกคักอีกครั้งไม่เว้นสองล้อในฝัน BMW ข่าวดีสำหรับคอ บีเอ็มดับเบิลยู เมื่อผู้จำหน่ายจักรยานยนต์ BMW เตรียมเปิดตัวรถ 4 รุ่นในบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ครั้งที่ 31 ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม - 6 เมษายน พ.ศ. 2553
ซึ่งมอเตอร์ไซค์ 4 รุ่นใหม่นี้ ประกอบด้วย (1) BMW S 1000 RR ซึ่งเป็นซูเปอร์ไบค์คันแรกจากบีเอ็มดับเบิลยู, (2) BMW F 800 R “The Naked Bike”, (3) BMW R 1200 GS และ GS Adventure และ (4) BMW R 1200 RT

S 1000 RR- พัฒนาขึ้นบนคอนเซ็ปต์มอเตอร์ไซค์แบบซูเปอร์ไบค์ ใช้เครื่องยนต์แถวเรียง 4 สูบบนตัวถังเฟรมอะลูมิเนียม มุ่งเน้นที่เสถียรภาพการขับ ความปราดเปรียว ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับมอเตอร์ไซค์แข่ง S 1000 RR ได้รับการติดตั้งระบบเสริมความปลอดภัยต่างๆ เช่น Race ABS และระบบรักษาเสถียรภาพ DTC Dynamic Traction Control ที่สามารถปรับเลือกโหมดการขับให้เหมาะสมกับสภาพการใช้งานได้ เช่น โหมด Rain สำหรับถนนเปียก โหมด Sport สำหรับการขับขี่แบบสปอร์ต โหมด Race สำหรับการแข่งขัน และ โหมด Slick สำหรับใช้ในสนามแข่งและใส่ยางแบบสลิค S 1000 RR ใช้เครื่องยนต์แถวเรียง 4 สูบ 1,000 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ และระบบวาล์วพิเศษที่ผลิตจากวัสดุไทเทเนียม 193 แรงม้าที่ 13,000 รอบ และแรงบิดสูงสุด 112 นิวตัน-เมตร ที่ 9,750 รอบ และมีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรภายใน 2.9 วินาที

BMW F 800 R - มอเตอร์ไซค์ สปอร์ตแบบ Naked Bike เน้นเรื่องปราดเปรียวว่องไว บังคับควมคุมง่าย F 800 R ได้สร้างชื่อในการแข่งขันการขับมอเตอร์ไซค์แบบผาดโผนโดยการเป็นรถคู่ใจของแชมป์โลกการขับมอเตอร์ไซค์ผาดโผน 4 สมัย คริส ไฟเฟอร์ ใช้เครื่องยนต์แถวเรียง 2 สูบ 800 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำ 88 แรงม้าที่ 8,000 รอบ และแรงบิดสูงสุด 86 นิวตัน-เมตร ที่ 6,000 รอบ มีจุดเด่นในเรื่องของการผลิตกำลังขับเคลื่อนในช่วงรอบที่กว้างโดยเฉพาะระหว่างรอบ 5,000-8,000 รอบ ซึ่งทำให้การขับขี่เป็นไปได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งน้ำหนักตัวถังเพียง 199 กิโลกรัม (รวมน้ำมัน) ทำให้มันเป็นมอเตอร์ไซค์ที่มีความปราดเปรียวสูง

BMW R 1200 - มอเตอร์ไซค์ในเซ็กเมนท์ เอ็นดูโร่ (Enduro) เครื่องสูบนอนแบบบ๊อกเซอร์ 2 สูบ 1,170 ซีซี พร้อมระบบวาล์วแบบ DOHC ใหม่ เพิ่มกำลังอีก 5% เป็น 110 แรงม้า ที่ 7,750 รอบ และแรงบิดสูงสุด 120 นิวตัน-เมตร ที่ 6,000 รอบ อีกทั้งยังเพิ่มรอบการทำงานสูงสุดเป็น 8,500 รอบ (จากเดิม 8,000 รอบ) ซึ่งทำให้มันมีสมรรถนะและอัตราเร่งที่ดี R 1200 GS มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 3.7 วินาทีและ 3.95 วินาที สำหรับ R 1200 GS Adventure

BMW R 1200 RT สุดยอดสองล้อทัวริ่ง เน้นการขับขี่ทางไกล ใช้เครื่องสูบนอนบ๊อกเซอร์แบบ 2 สูบ 1,170 ซีซี 16 วาล์ว DOHC ให้กำลัง 110 แรงม้า ที่ 7,750 รอบ และแรงบิดสูงสุด 120 นิวตัน-เมตร ที่ 6,000 รอบ พร้อมระบบเกียร์ 6 สปีด สามารถสร้างอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 3.8 วินาที และเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางไกล BMW R 1200 RT มาพร้อมกับช่วงล่างแบบ ESA II (Electronic Suspension Adjustment) ซึ่งสามารถปรับความนุ่มนวลให้เหมาะสมกับสภาพถนนและการบรรทุกได้ นอกจากนั้นยังสามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริม เช่น วิทยุ ซีดี และ iPod ได้อีกด้วย



เพิ่มเติม http://www.komchadluek.net

Suzuki Ozark 250 K9 สปอร์ต ATV ตะกายคู่ วิ่งสู้ฟัด...สุดเร้าใจ!

แบบสี่ล้อตะกายฝุ่น เหนือชั้นในรูปแบบ เอทีวี สไตล์สปอร์ตที่ดุดัน และลงตัวกับการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะลุยโคลน ฝ่าหิมะ หรือซิ่งซ่าไปบนทุ่งหญ้าอันกว้างไกลออกแบบเพื่อคนหลายใจ!?Ozark 250 มีคุณสมบัติเด่นดังที่เกริ่นไปข้างต้นแล้วว่า มันคือการนำเอาจุดเด่นของรถ ATV ในประเภทจอมลุยกับ ATV สปอร์ตน้ำหนักเบาเข้าไว้ด้วยกันในรูปโฉมอันเร้าใจ ไม่เทอะทะแต่ก็ยังอิงไว้ซึ่งความบึกบึน รอบตัวถูกรายล้อมไว้ด้วย โครงเหล็กที่เปรียบเสมือนกันชน และตระแกรงบรรทุกสัมภาระสารพัดประ-โยชน์ โดยมีชุดไฟหน้าทรงสปอร์ตและกระจังหน้าขนาดเล็กซ่อนอยู่ด้านหลัง บังโคลนทั้งสี่มีขนาดใหญ่ เพื่อป้องกันโคลนเลนและสิ่งไม่พึงประสงค์

ท่วงท่าการขับขี่มีมิติคล้ายคลึงรถจักรยานยนต์วิบากเป็นอย่างมาก แฮนเดิ้ลบาร์กว้าง แต่กะโหลก หน้าปัดซ่อนตัวอย่างมิดชิด เพื่อความเรียบง่ายไม่เป็นอุปสรรคในการลุย ถังน้ำมันขนาดกระทัดรัดทรงสูงแต่จุได้ ถึง 10.6 ลิตร ในขณะที่เบาะนั่งยาวและใหญ่ มีพื้นที่บรรจุสัมภาระใต้เบาะ 4 ลิตร ด้านหลังเป็นตระแกรงบรรทุก
ขนาดใหญ่เต็มพื้นที่ เพื่อรับงานหนักโดยเฉพาะ สองแรงครึ่งพลังแรง ตะกายสองล้อหลัง Ozark 250 มาในแบบฉบับจอมลุยขับสองที่มีความเร็วพอให้สนุกในวันหยุดสุดสัปดาห์หรือจะเรียก แรงบิดมหาศาลมาใช้งานในสวนก็ไม่มีหวั่น เครื่องยนต์เป็นแบบสูบเดี่ยว 4 จังหวะ OHC 246 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ จ่ายเชื้อเพลิง ด้วยคาร์บูเรเตอร์ของ มิคูนิ บีเอส ขนาด 29 มม. ทำหน้าที่ป้อนไอดีให้เพียงพอต่อการระเบิดพลังแรง ส่งแรงบิด ผ่านชุดเกกียร์ 5 สปีด พร้อมเกียร์ถอยหลัง 1 ระดับ คลัตช์เป็นชนิดอัตโนมัติ เพื่อลดภาระของผู้ขับขี่ ระบบส่งกำลัง สู่ล้อคู่หลังเป็นแบบเพลาเช่นเดียวกับ ATV สไตล์ ยูติลิตี้ ซึ่งมีการซ่อมบำรุงต่ำและอึดระดับเทพ ซึ่งแตกต่างไป จาก ATV สปอร์ตที่เน้นความเร็วจะนิยมใช้โซ่ขับเคลื่อนเป็นหลัก

โครงสร้างแบบท่อเหล็กกลมสุดแข็งแกร่งเชื่อมประสานไปทั่วคัน ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ ปีกนกสองชั้น พร้อมการ์ดกันกระแทกใต้ท้องป้องกันจุดหมุนต่างๆ ทั้งชุด ช็อกอับฯ เป็นแบบคอยล์โอเวอร์ช็อก ขนาดใหญ่ติดตั้งได้อย่างอิสระ เพราะไม่มีชุดเพลาขับมาข้องเกี่ยว ส่วนด้านหลังเป็นแบบสวิงอาร์มทำงานร่วมกับ ช็อกอับฯ ขนาดใหญ่ ให้ช่วงยุบ 5.5 เท่ากันทั้งหน้าและหลัง เบรกหน้าแบบดิสก์คู่ ส่วนด้านหลังแบบดรัมทำงาน ด้วยระบบง่ายๆ แต่ทนทาน วงล้อเหล็กปั้มแสนทรหดเข้าคุ่กับยางชนิดดอกห่อางสำหรับการลุยโดยเฉพาะ



เพิ่มเติม http://www.spsuzuki.com/Community/Thai/World/Motor/Detail/Ozark250_K9.asp

1928 CS1 / ES2 folder



This folder is in French; I don't speak French but it's not too difficult to understand that the two Nortons depicted were very successfull in the 1927 season


Note that both bikes have front mudguards held by flat strips as favoured on the factory racers while the rear mudguards are held by tubular stays. Were they actually built like this or is this an example of an artist at work?
(Contributed by Wim from Belgium)

Sunday, February 21, 2010

มาแล้วกับโมโตครอส 4 จังหวะ ซึ่ง RM-Z250 เวอร์ชั่น 2010

ใช้การจ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด และใช้ลิ้นปีก ผีเสื้อขนาด 43 มม. ในการจ่ายไฟหลังจากสตาร์ทใช้แมกนีโต-เจนเนอเรเตอร์เป็นระบบเดียวกับที่ใช้อยู่ใน RM-Z450 การระบายความร้อนใช้หม้อน้ำอะลูมินั่มอัลลอย 2 ลูกแยกยึดอยู่ด้านซ้ายและขวา
ระบบหัวฉีดที่ใช้ยกมาจากรุ่น RM-Z450 เช่นกัน ซึ่งใช้ไฟไม่มากนัก ทำให้ไม่เป็นปัญหาเรื่องของการจ่ายไฟในขณะแข่งขัน และการจ่ายเชื้อเพลิงจะถูกคำนสณจากคอมพิวเตอร์ 16-บิท ท่อไอเสียถูกปรับใหม่ ให้เข้ากับเครื่องยนต์ที่เป็นแบบหัวฉีด สำหรับเฟรมแบบทวินสปาร์ ทำจากอะลูมิเนียมอัลลอย ซึ่งได้ ออกแบบใหม่ในหลายๆ จุด ให้มีความสมดุล ให้แทร็คชั่นที่ดีในช่วงที่ต้องใช้ความเร็วสูง สำหรับความหนา ของผนังเฟรมเพิ่มมาเป็น 3 มม. จากเดิมที่ใช้อยู่ 2.5 มม. สวิงอาร์มใหม่น้ำหนักเบาและได้ถูกเพิ่มในส่วน ของความแข็งแรง ช็อคอับหน้าเป็นแบบหัวกลับของโชว่าขนาด 47 มม. ส่วนด้านหลังใช้ช็อคอับเดี่ยวพร้อม กระเดื่องทดแรง


เพิ่มเติม http://www.spsuzuki.com/Community/Thai/World/Motor/Detail/RMZ250_L0.asp

ชัยยันต์ โรมพันธ์ เปิดประเดิมโพเดี้ยมสนามแรก รายการ FMSCT Thailand Motocross 2010 จันทบุรี



ชัยยันต์ โรมพันธ์ คว้าแต้มประเดิมชัยสนามแรกรายการ FMSCT Thailand Motocross 2010 ณ สนามโมโตครอส จ.จันทบุรี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2553 ที่ผ่านมา ปีนี้ทางผู้จัดการแข่งขันได้ทำการเก็บคะแนนสะสมทั้งหมด 8 สนาม ได้แก่ จันทบุรี , อุดรธานี , กาฬสินธุ์ , ตราด , พังงา , สุราษฎร์ธานี , เพชรบูรณ์ และเชียงใหม่

ซึ่ง บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ส่ง 2 นักแข่งมือโปร อย่าง ชัยยันต์ โรมพันธ์ ที่ยังใช้รถยามาฮ่า YZ250F หมายเลข 31 ลงทำการแข่งขัน และอีก 1 นักแข่งขันน้องใหม่อย่าง กฤษดา บุญวาที ที่ย้ายเข้ามาร่วมกับทีมบริษัทปีนี้เป็นปีแรก ขับรถยามาฮ่า YZ250F หมายเลข 88 ทำการแข่งขัน โดยมีทีมแมคคานิกส์ชั้นแนวหน้าอย่าง “น้าหั่ง” สมศักดิ์ พรศิริเชิด คอยเซ็ทรถให้กับ 2 นักแข่ง ภายใต้ชื่อทีม “Yamaha หั่งโมดิฟาย ซูเปอร์ครอส ทีม”

ส่วนผลการแข่งขันเก็บคะแนนชิงแชมป์ประเทศไทย รายการ FMSCT Thailand Motocross 2010 เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2553 นั้นเป็นไปตามคาดเมื่อ ชัยยันต์ โรมพันธ์ นักบิดทางฝุ่นมือฉกาจของทีมยามาฮ่าออกสตาร์ทขึ้นนำม้วนเดียวจบ คว้าแต้มขึ้นนำเป็นจ่าฝูงก่อน และทีมเมทอย่าง กฤษดา บุญวาที เข้าเส้นชัยในอันดับที่ 6
ชัยยันต์ โรมพันธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า “รู้สึกดีใจที่สามารถเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 1 ส่วนสนามต่อไปก็จะทำให้ดีที่สุด”
กฤษดา บุญวาที ให้สัมภาษณ์ว่า “สนามแรกเข้าเส้นชัยในอันดับที่ 6 ผมยังไม่ค่อยชินกับรถ สำหรับสนามต่อไปจะปรับตัวและมีการซ้อมให้มากขึ้น ”
ถือเป็นก้าวแรกของความสำเร็จในปี 2010 ที่นักแข่งทางวิบากของทีม ยามาฮ่า หั่งโมดิฟาย ซูเปอร์ครอสทีม ที่สามารถขึ้นโพเดี้ยมอับดับ 1 ได้สำเร็จ

สำหรับสนามที่ 2 จะทำการแข่งขันที่ จ.อุดรธานี ในวันที่ 6-7 มีนาคม 2553 สามารถติดตามชมการถ่ายทอดสดได้ทางสถานีโทรทัศน์ NSS6 ช่อง Motorsport TV ในวันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม 2553 ตั้งแต่เวลา 14.00-16.00 น.



เพิ่มเติม http://www.yamaha-motor.co.th/upload/news/1156/4.jpg

ฟีโน่ ย้ำต้นแบบตัวจริงจัดกิจกรรม ไอ เลิฟ ฟีโน่ ที่เชียงใหม่

บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด จัดกิจกรรมไอ เลิฟ ฟีโน่ ( I Love FINO ) ตอบรับกระแสความแรงของยามาฮ่า ฟีโน่ ต้นแบบตัวจริง ของรถออโตเมติกสไตล์โมเดิร์น คลาสสิค กันที่ลานกิจกรรม Event Hall ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า เชียงใหม่ แอร์พอร์ต จ.เชียงใหม่ โดยกลุ่มยามาฮ่าฟีโน่คลับกว่า 100 คัน ผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ยามาฮ่าใจดี บริษัท เจริญมอเตอร์เชียงใหม่ จำกัด บริษัท แสงชัยมอเตอร์เซลล์ จำกัด และห้างหุ้นส่วนจำกัด ลิ้มเม่งจั้ว พร้อมกับดารานักแสดงจากช่อง 3 เมจิ - พิมพ์อักษิพร วินโกมินทร์ และหมอก้อง สรวิชญ์ สุบุญ มาร่วมกัน บำเพ็ญประโยชน์และมอบทุนการศึกษา ให้กับโรงเรียนสอนคนตาบอดภาคเหนือในพระบรมราชินูปถัมภ์ ก่อนร่วมกันขับขี่ทัวร์ริ่ง ไปรอบเมืองเพื่อเข้าสู่ลานกิจกรรม ไอ เลิฟ ฟีโน่ ( I Love FINO )

โดยในงานได้จัดกิจกรรมต่างๆ ไว้มากมาย อาทิ ซุ้มเกมส์ ซุ้มจำหน่ายสินค้าตกแต่งรถ และยังมีบอร์ดที่รวบรวมภาพความประทับใจต่างๆ ของกิจกรรมฟีโน่ตั้งแต่เปิด จนถึงปัจจุบันกว่า 3 ปีที่ผ่านมาเอาไว้ให้ได้ชมกัน รวมทั้งดิสเพลย์ฟีโน่สไตล์ต่างๆ ของดารานักร้องชื่อดัง พร้อมร่วมโหวตฟีโน่แต่งโดนใจ กับรถฟีโน่คู่ใจของยามาฮ่าคลับที่มาประชันไอเดียสไตล์การแต่งของตัวเอง รวมทั้งยังมีมุมจัดแสดงรถฟีโน่เก๋ๆ ให้ชมกัน ปิดท้ายกิจกรรมด้วยความสนุกสุดมันส์กับคอนเสิร์ตวง Flure



เพิ่มเติม http://www.yamaha-motor.co.th/News/View.aspx?ID=1160

“ฮอนด้า” ผู้นำตลาดสองล้อตัวจริง เบิกฤกษ์ต้นปีส่งเทคโนโลยีใหม่ของรถครอบครัว “ระบบซีวีเมติก”



ฮอนด้าก้าวสู่ทศวรรษที่ 3 แห่งการเป็นผู้นำตลาดรถจักรยานยนต์ไทย เผยยอดจำหน่ายสะสมรถครอบครัวยอดนิยมทั้งฮอนด้าดรีมและฮอนด้าเวฟพุ่งสูงถึงกว่า 10 ล้านคันในปัจจุบัน พร้อมเพิ่มทางเลือกให้กับรถครอบครัวยอดนิยมของไทยด้วยเทคโนโลยีใหม่ระบบ ซีวีเมติค (CV-Matic) หรือ ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติสำหรับรถครอบครัว ในรุ่น “ฮอนด้า เวฟ 110 ไอ เอที” ที่โดดเด่นทั้งคุณสมบัติของรถครอบครัวที่ประหยัดน้ำมัน ทนทาน แต่ขี่ง่าย ไม่ต้องเข้าเกียร์ มั่นใจเจาะตลาดคนรุ่นใหม่ที่รักรถบังลมสไตล์รถครอบครัว แต่ชื่นชอบความสะดวกสบายสไตล์รถเอที โดยตั้งเป้าจำหน่ายที่ 50,000 คันต่อปี พร้อมเปิดราคาช่วงแนะนำที่ประมาณ 44,900 บาท และจะวางจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 1 มีนาคม ศกนี้

มร. เซนจิโร่ ซากุราอิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า “ตลาดรถจักรยานยนต์ไทยเริ่มฉายแววสดใสตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยตลาดรวมที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในช่วงต้นปี 2009 ได้ดีดตัวกลับในช่วงไตรมาสสุดท้าย และปิดตัวเลขทั้งปีลดลงจากปีก่อนหน้าเพียง 10% เท่านั้น ซึ่งฮอนด้าคาดว่าแนวโน้มที่ดีขึ้นนี้จะยังคงต่อเนื่องในปี 2010 โดยคาดว่าตลาดรวมจะโตขึ้นจากปี 2009 ประมาณ 10% หรือมียอดรวมที่ 1.68 ล้านคัน โดยฮอนด้าตั้งเป้ายอดจดทะเบียนป้ายวงกลมที่ 1.15 ล้านคัน นอกจากนั้น เมื่อปลายปีที่ผ่านมา รถครอบครัวของฮอนด้าทั้งฮอนด้าดรีมและฮอนด้าเวฟยังมียอดการจำหน่ายสะสมสูงถึง 10 ล้านคัน นับเป็นซีรี่ส์ยอดนิยมที่มียอดจำหน่ายสะสมที่สูงที่สุดในประวัติการจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย ในครั้งนี้ฮอนด้าจึงเพิ่มทางเลือกใหม่ให้กับรถครอบครัวยอดนิยมของไทยด้วยเทคโนโลยีใหม่ระบบซีวีเมติค (CV-Matic) หรือ ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติสำหรับรถครอบครัว ที่ได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่นี้ที่ประเทศญี่ปุ่นไปเมื่อปลายปี 2009 ที่ผ่านมา โดยพื้นฐานแนวคิดในการพัฒนาเทคโนโลยี CV Matic ให้กับรถครอบครัวตระกูล Honda Wave110i นี้เกิดจากความต้องการของผู้บริโภคที่ว่า “จะดีแค่ไหนถ้าความทนทาน และการประหยัดน้ำมัน อย่างรถครอบครัว มาอยู่รวมกันกับความสะดวกสบายอย่างรถเอ.ที. ?” นี่จึงเป็นที่มาของ Honda Wave110i-AT รถครอบครัวเอ.ที. รุ่นใหม่ล่าสุด ที่เป็นระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ขี่ง่ายเข้าเทรนด์ ไม่ต้องเข้าเกียร์ แต่ยังคงประหยัดน้ำมัน และทนทาน ในแบบของฮอนด้าเวฟต้นตำรับเหมือนเดิม”

“เทคโนโลยีระบบ ซีวีเมติก (CV-Matic)” หรือ ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ สำหรับรถครอบครัว คือ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ฮอนด้าพัฒนาขึ้นโดยใช้พื้นฐานของ ระบบขับเคลื่อนด้วยโซ่ ตามสไตล์ที่คุณคุ้นเคยแบบรถครอบครัว ผสานกับชุดส่งกำลังที่เป็นระบบสายพาน V-Matic ในรถเอ.ที. ทำให้ขี่ง่ายขึ้น แบบไม่ต้องเข้าเกียร์ และยังคงข้อดีในแบบรถครอบครัวไว้อย่างครบครัน ทั้งระบบคลัทช์เปียกที่ให้ความทนทานมากขึ้น และระบบระบายความร้อนทรงประสิทธิภาพ ช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนาน ที่สำคัญยังคงความประหยัดน้ำมันในแบบที่คนรักฮอนด้า เวฟ ทุกคนชื่นชอบ

นอกจากนั้น ฮอนด้า เวฟ 110 ไอ เอที รถครอบครัวระบบเอ.ที คันใหม่ ยังมาพร้อมหัวใจสำคัญของการขับขี่ในยุคนี้ ด้วยเทคโนโลยีระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM-FI เครื่องยนต์ 110 ซีซี 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยอากาศ ให้อัตราการประหยัดน้ำมันมากถึง 53 กม./ลิตร (ทดสอบตามมาตรฐาน ECE 40 MODE) พร้อมคุณประโยชน์ต่างๆ จากฮอนด้าหัวฉีดครบถ้วน ทั้งประหยัดน้ำมัน, ให้ไอเสียที่สะอาดผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ 6 รองรับน้ำมัน E20, ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีขึ้น, ใช้งานนานหายห่วงกับการรับประกันคุณภาพอุปกรณ์ระบบหัวฉีด PGM-FI นานถึง 5 ปี หรือที่ 50,000 กิโลเมตร และรับประกันทั้งคัน 3 ปี หรือ 30,000 กิโลเมตร พร้อมด้วยคุณภาพอะไหล่แท้กับช่างระดับมาตรฐานที่มีรองรับทั่วประเทศ

ฮอนด้า เวฟ 110 ไอ ใหม่ ระบบเอ.ที ไม่เพียงแต่จะโดดเด่นด้านรูปลักษณ์ความหรูหรา ที่มากับกระจังหน้าดีไซน์ล้ำ รูปทรงตัว V แล้ว ยังมาพร้อมกับดีไซน์ของไฟบอกตำแหน่งรูปทรงตาเหยี่ยว ออกแบบกลมกลืนกับไฟหน้าชุดเดียวกับไฟเลี้ยว สว่างไสวมองเห็นได้ไกล อีกทั้งช่วยยกระดับของการขับขี่ด้วยอีกหลายอรรถประโยชน์สุดฉลาดมากมาย ทั้งกล่องเก็บของใต้เบาะที่เก็บของได้ถึงใจ, แผ่นกันความร้อนท่อไอเสียแบบโครเมียม, วงล้อ 17 นิ้ว หน้ายางขนาดใหญ่ พร้อมดิสก์เบรกหน้าขับขี่มั่นใจ ลุยได้ทุกสภาพถนน พร้อมคันสตาร์ทเท้าด้านซ้าย และเบรกหลังที่ตำแหน่งเท้าขวาในรูปแบบการขับขี่ที่คุ้นเคย ทันสมัยโดดเด่นมากขึ้นด้วยหน้าปัดเรือนไมล์สไตล์ใหม่, ช่องดักลมข้างรถ สวยสง่าแบบปีกนก และช่วงท้ายลุคโมเดิร์นที่มีที่จับหลังสีสันเดียวกับตัวรถ ส่งเสริมลุคให้สง่างาม สบาย และทันสมัย

ทั้งหมดนี้เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยในมาตรฐานฮอนด้าที่เหนือชั้นกว่าใคร ทั้งระบบกุญแจนิรภัยสองชั้น (Automatic Key Shutter) ที่ถูกออกแบบให้มีม่านปิดอัตโนมัติทันทีที่ดึงกุญแจออกเพื่อล็อคคอรถ, Brake Lock Knob ที่ล็อคเบรกขณะจอด, Side Stand Switch สวิตซ์ตัดการทำงานของเครื่องยนต์ เมื่อเอาขาตั้งข้างลง พร้อมระบบสตาร์ทนิรภัย Safety Starter ขณะสตาร์ททุกครั้งต้องกำเบรกหรือเหยียบเบรกหรือล็อคเบรก ทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย และป้องกันเหตุไม่คาดคิดจากการเผลอบิดคันเร่งในขณะจอด

ในด้านสื่อสารการตลาดของ Honda Wave110i-AT ฮอนด้าได้เลือกแบรนด์แอมบาสเดอร์คู่ใจกับความสุขใหม่สไตล์ฮอนด้า เวฟ 110 ไอ คนเดิมคือศิลปินยอดนิยม แดน วรเวช ดานุวงศ์ ที่ชวนน้องสาวน่ารักต่างค่ายมาเป็นสมาชิกครอบครัวฮอนด้า เวฟ คนใหม่อย่าง น้ำชา ชีรณัฐ ยูสานนท์ ร่วมถ่ายทอดคาแรกเตอร์ ความคล่องตัว ขับขี่ง่าย สะดวกสบายและคงความประหยัดไว้ครบถ้วนกับสีสันโดนใจที่มีมาให้เลือกกันถึง 3 คู่สี ทั้งขาว-น้ำตาล, แดง-น้ำตาล และน้ำเงิน-เทา โดยมีทั้งระบบสตาร์ทมือและสตาร์ทเท้าในคันเดียวให้เลือกใช้ตามสะดวกอีกด้วย

ฮอนด้า เวฟ 110 ไอ ที่เป็นระบบเอ.ที. นี้ จะวางจำหน่ายควบคู่กับฮอนด้า เวฟ 110 ไอ ที่เป็นระบบเกียร์ เพื่อเป็น 2 ทางเลือกใหม่จากฮอนด้า เวฟ 110 ไอ ทั้งนี้ ฮอนด้าเวฟ 110 ไอ เอที ใหม่ จะวางจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมนี้เป็นต้นไป โดยมีราคาแนะนำในช่วงเริ่มต้นที่ประมาณ 44,900 บาท ตั้งเป้าหมายการจำหน่ายทั้งสิ้น 50,000 คันต่อปี พร้อมเตรียมรถทดลองขับขี่กับเทคโนโลยีซีวีเมติก หรือ ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติสำหรับรถครอบครัว ให้คุณได้พิสูจน์ ฮอนด้า เวฟ 110 ไอ เอที คันใหม่ที่ขี่ง่ายเข้าเทรนด์ ไม่ต้องเข้าเกียร์นี้ได้ ที่ร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ใกล้บ้านท่าน


เพิ่มเติม http://www.newswit.com/news/2010-02-18/db51fab9ef378139855cee132758fdd4/

เดือนมกราคม 2553 ผลิตรถยนต์โตขึ้นมากกว่าร้อยละ 43

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยจำนวนยอดขายภายในประเทศ การผลิต และการส่งออกรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของประเทศ ในเดือนมกราคม 2553 ดังต่อไปนี้

ยอดขาย
ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนมกราคม 2553 มีจำนวนทั้งสิ้น 49,560 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 54.5 แต่ลดลงจากเดือนธันวาคม 2552 ร้อยละ 31.25 เนื่องจากเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา มีการจัดงานมหกรรมยานยนต์ ส่งผลให้ยอดขายในเดือนธันวาคมสูงกว่าเดือนอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ยอดขายรถยนต์ 49,560 คัน นี้ เป็นไปตามเป้าที่คาดว่า ยอดขายภายในประเทศปี 2553 จะถึง 600,000 คัน ซึ่งมากกว่าปี 2552 ที่ขายได้ 548,871 คัน โตขึ้นร้อยละ 9.32 ทั้งนี้ เป็นผลจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่สูงขึ้น และจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลทำให้ประชาชนมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ราคาสินค้าหลายตัวสูงขึ้น รวมทั้งมีรถยนต์รุ่นเล็กมาเสริมตลาดด้วย ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 153,312 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 39.45 และเพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2552 ร้อยละ 3.99

การผลิตจำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม 2553 มีทั้งสิ้น 103,892 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 43.39 แต่ลดลงจากเดือนธันวาคม 2552 ร้อยละ 7.01รถยนต์นั่ง เดือนมกราคม 2553 ผลิตได้ 32,680 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 70.97

รถยนต์โดยสารขนาดต่ำกว่า 10 ตัน และมากกว่า 10 ตัน ขึ้นไป ในเดือนมกราคม 2553 ผลิตได้ 20 คัน ลดลงจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 66.10

รถยนต์บรรทุก เดือนมกราคม 2553 ผลิตได้ทั้งหมด 71,192 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 33.61

รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนมกราคม 2553 ผลิตได้ทั้งหมด 69,586 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 33.36 โดยแบ่งเป็น

· รถกระบะบรรทุก 25,076 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือน มกราคม 2552 ร้อยละ 70.55
· รถกระบะดับเบิลแค็บ 35,546 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือน มกราคม 2552 ร้อยละ 1.32
· รถกระบะ PPV 8,964 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือน มกราคม 2552 ร้อยละ 274.59
· รถบรรทุกต่ำกว่า 5 ตัน เดือนมกราคม 2553 ผลิตได้ 526 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 136.94

· รถบรรทุกขนาด 5 - 10 ตัน เดือนมกราคม 2553 ผลิตได้ 353 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 20.89

· รถบรรทุกมากกว่า 10 ตัน เดือนมกราคม 2553 ผลิตได้ 727 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 23.64

ผลิตเพื่อส่งออก
เดือนมกราคม 2553 ผลิตได้ 57,380 คัน เท่ากับร้อยละ 55.23 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 8.48 เนื่องจากตลาดส่งออกทุกตลาดดีขึ้นจากปีที่แล้ว

รถยนต์นั่ง เดือนมกราคม 2553 ผลิตเพื่อการส่งออก 12,248 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 2.21

รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนมกราคม 2553 มียอดการผลิตเพื่อการส่งออก 45,132 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 10.31 โดยแบ่งเป็น

· รถกระบะบรรทุก 9,732 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือน มกราคม 2552 ร้อยละ 17.52
· รถกระบะดับเบิลแค็บ 29,304 คัน ลดลงจากเดือน มกราคม 2552 ร้อยละ 4.91
· รถกระบะ PPV 6,096 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือน มกราคม 2552 ร้อยละ 235.87
ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ
เดือนมกราคม 2553 ผลิตได้ 46,512 คัน เท่ากับร้อยละ 44.77 ของยอดการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 137.79 เนื่องจากยอดขายภายในประเทศที่สูงขึ้น

รถยนต์นั่ง เดือนมกราคม 2553 ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 20,432 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 186.48

รถกระบะขนาด 1 ตัน เดือนมกราคม 2553 มียอดการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 24,454 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 117.04 ซึ่งแบ่งเป็น

· รถกระบะบรรทุก 15,344 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือน มกราคม 2552 ร้อยละ 138.93
· รถกระบะดับเบิลแค็บ 6,242 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือน มกราคม 2552 ร้อยละ 46.29
· รถกระบะ PPV 2,868 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือน มกราคม 2552 ร้อยละ 396.19
รถบรรทุก เดือนมกราคม 2553 ผลิตได้ 1,606 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 45.74

รถจักรยานยนต์เดือนมกราคม 2553 ผลิตรถจักรยานยนต์ได้ทั้งสิ้น 202,311 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 20.97 แยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 159,581 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ร้อยละ 15.24 และชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 42,730 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ร้อยละ 48.58

การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป
เดือนมกราคม 2553 ส่งออก 58,525 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 18.34 และมากกว่าเดือนธันวาคม 2552 ร้อยละ 9.18 มีมูลค่าการส่งออก 28,132.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 22.13

· เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 1,368.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 231.95

· ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 9,174.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 65.88

· อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 900.05 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 2.97

รวมมูลค่าส่งออกรถยนต์เดือนมกราคม 2553 เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ มีมูลค่า 39,575.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 32.33

รถจักรยานยนต์
เดือนมกราคม 2553 มีจำนวนส่งออก 44,370 คัน (รวม CBU + CKD) เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 10.94 และน้อยกว่าเดือนธันวาคม 2552 ร้อยละ 30.64 โดยมีมูลค่า 980.09 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 37.90

· ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 876.01 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 13.03

· อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 51.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 128.65

รวมมูลค่าการส่งออกรถจักรยานยนต์ เดือนมกราคม 2553 ชิ้นส่วนและอะไหล่รถจักรยานยนต์ 1,907.50 ล้านบาท ลดลงจากเดือนมกราคม 2552 ร้อยละ 26.86

เดือนมกราคม 2553 รวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ มีทั้งสิ้น 41,483.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ร้อยละ 27.59

ปี พ.ศ. 2553 ตั้งเป้าผลิตรถยนต์ 1,400,000 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 40 ส่งออกรถยนต์ 800,000 คัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์

นางเพียงใจ แก้วสุวรรณ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้สรุปตัวเลขประมาณการการผลิตรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ของสมาชิกกลุ่มฯ ในปี พ.ศ. 2553 โดยแยกเป็นการผลิตเพื่อการส่งออก และการผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ ดังนี้

รถยนต์
ประมาณการการผลิตรถยนต์ในปี พ.ศ. 2553 ประมาณ 1,400,000 คัน สูงสุดตั้งแต่มีอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ในประเทศไทย (ปี พ.ศ. 2504) มากกว่าปี พ.ศ. 2552 จำนวนประมาณ 400,000 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 40.14 โดยแบ่งเป็นการผลิตเพื่อการส่งออกประมาณ 800,000 คัน เท่ากับร้อยละ 57.14 ของยอดการผลิตทั้งหมด และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศประมาณ 600,000 คัน เท่ากับร้อยละ 42.86 ของยอดการผลิตทั้งหมด

· ผลิตเพื่อการส่งออก จำนวน 800,000 คัน มากกว่าปี พ.ศ. 2552 จำนวน 248,000 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 44.93 (ปี พ.ศ. 2551 ส่งออกรถยนต์ 776,000 คัน ก่อนตกลงมาเหลือ 535,000 คัน ในปี พ.ศ. 2552)

· ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ จำนวน 600,000 คัน มากกว่าปี พ.ศ. 2552 ประมาณ 153,000 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.23

รถจักรยานยนต์
ประมาณการการผลิตรถจักรยานยนต์ในปี พ.ศ. 2553 ประมาณ 1,780,000 คัน มากกว่าปี 2552 ซึ่งมีจำนวน 1,634,000 คัน เพิ่มขึ้น 146,000 คัน คิดเป็นร้อยละ 8.94 แยกเป็นการผลิตเพื่อการส่งออกประมาณ 130,000 คัน มากกว่าปี พ.ศ. 2552 ซึ่งมีจำนวน 115,000 คัน เพิ่มขึ้น 15,000 คัน หรือร้อยละ 13.04 และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศประมาณ 1,650,000 คัน มากกว่าปี พ.ศ. 2552 ซึ่งมีจำนวน 1,519,000 คัน เพิ่มขึ้น 131,000 คัน หรือร้อยละ 8.62




เพิ่มเติม http://www.newswit.com/news/2010-02-19/29cc766675a1974f3c1ea14ed08b023b/

Saturday, February 20, 2010

1936 Model 30 Norton


This M30 International used to be mine; I sold it last week. I've had it since 2004 when I bought it as a basket case (see the pic at the bottom). Restoring was not that difficult. The engine was rebuilt by Stu Rogers and you drop the engine parts at his place, wait for one and a half year, collect and fit. Many of the other parts are similar to abundantly available 16H items that can be made to fit with a little work. What's left is very careful assembly. It's not an original bike but then again, very few Inters are.


Then, even before it was finished I bought a flat tank OHV Norton that I like a lot. I did ride the Inter for a few hundred miles but when the shed got too crowded a decision had to be made and the Inter moved indoors where it spent a few happy years next to the television. Then last week another Norton came along and the Inter had to go.


Ruminating about what happened I came to the conclusion that my taste changed over the years; I like the truly Vintage Nortons that have the bought-in parts from Webb, Royal Enfield and Sturmey Archer so much better now.

Thursday, February 18, 2010

Martin's 1921 Model 9 Norton



Another email from Martin in Scotland:

"I've always wanted a belt drive Norton since reading about them in Titch Allen's First Vintage Roadtest Journal in the 1970s. Despite restoring and riding many belt drivers since then, owning one was something I never thought possible until I came across some very rusty and damaged remains of a 1921 Model 9 in Australia in the mid 1990s. It's taken me 'till now to get the bits together for it, by which time my health is not so good and I may not be able to do justice to it once its a runner. However I decided early on to use a 20 inch belt rim which affords a lower gearing than originally used, so it should be more tractable at low speeds at the expense of top speed, so as they say, you never know till you try...

...and as this Model 9 is obviously a basket case, my pic shows the basket too!!

Cheers,
Martin"

David's 1929 Model JE Norton


I've never actually met David from the UK but we've spoken on the phone quite a few times; I got him a wheel for his 1915 Norton Big Four project and in return he sent me a Royal Enfield wheel for my 1931 CS1. Pleasant conversations and an exchange of Norton parts; a win-win situation!.


David sent me a few pics of his previous project; quite a rare motorcycle as it is a 1929 Model JE Norton. Essentially the 350cc version of the ES2 it has a full cradle frame but note that it is a two-stay version. Not that many were sold, probably because they can't have been much less expensive than the 500cc M18.


David likes to plan the restoration of his bikes and entered his JE for the "Festival of a 1000 Bikes'' when it was still in large lumps; and finished the project in time to participate. This year he will do it again and is confident that his current project, the 1915 Big Four will be up and running in July 2010!

Wednesday, February 17, 2010

Style Icon


The flat tank Norton turning into a style icon. This painting was made by Conrad Leach and depicts Cohen at speed on his very special Model 18 Norton; note the little Tweenie Devil on the rear mudguard!

Keith Bryen's first racer...

Keith Bryen, member of the enthusiastic group of privateers who formed the "Continental Circus" each year as they camped at, and raced in the various motorcycle GPs throughout Europe from pre WW2 up until the early 1970's after which the professional aspect took over and the age of innocence was gone, is likely the last rider to be offered a factory Moto Guzzi ride before they pulled out of racing at the end of the 1957 season.

When the Dutch TT was over in 1957, I was approached by Moto Guzzi in the paddock and asked if I would try one of their 350cc machines at the Belgium GP the following week. "How much do you want to ride it" they asked.
I felt like saying "How much do I pay for the priviledge?"
In all there were only three GPs that I rode for them before the season was finished.
Then the news that they had withdrawn from racing and no longer required my services.

We had of course returned to Australia.

So we'll start this blog with Keith's start with

racing motorcycles in Australia from 1947 to 1952.....
This photo was lifted from Dennis' website.

It depicts Keith Bryen's 1946 Triumph Speed Twin

[(2)+++1946+500cc.+Speed+Twin+Triumph.+The+first+bike+I+e+(1).jpg]

His first racer,

a modified 1946 Triumph 500 cc Speed Twin.

SO

STEEDS VERASSEND, ALTIJD DICHTBIJ

Motoring George Spauwen

Monday, February 15, 2010

1937 M30 Norton


This photo was lifted from Dennis' website. It depicts Keith Bryen on a 1937 M30 International Norton; obviously rebuilt for use as a scrambler. That's not a Norton tank.

Praise for the flat tank Model 18



Martin from the UK sent another contribution; "I am now prompted to send you a charming little cartoon of a lad and the object of his fantasies, a flat tank Model 18... This was published in 1963 in a book by a well known journalist, Maurice Wiggin, and included a chapter on his motorcycling exploits in the twenties. I attach a copy of the picture drawn to illustrate the section referring to this fine machine, and also a scan of that page to which the picture refers..."


Do click and read the text, it sums up completely why you should own a flat tank Model 18 Norton."...it was rough, noisy, intractable...the Norton was the great racer, the man's machine, the TT hero above all others...hairy, smelly and slightly piratical...the Model 18 was the king."

แคมเปญพิเศษของ จักรยานยนต์ยามาฮ่า มีโอ 125



กรุงเทพฯ--15 ก.พ.--PR Dentsu
บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด จัดงานฉลองยอดขายออโตเมติก 2 ล้านคัน และเปิดตัวรถจักรยานยนต์ออโตเมติก มีโอ 125
พร้อมจัดแคมเปญพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อยามาฮ่า มีโอ 125 พิเศษช่วงแนะนำวันนี้ ราคาเริ่มต้นที่ 44,000 บาท พร้อมรับฟรีหมวกกันน็อก ลายเคฟล่า ดีไซน์สปอร์ตสุดพิเศษ รุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น มูลค่า 1,500 บาท เท่านั้นยังไม่พอ ร่วมฉลองยอดขายรถออโตเมติก 2 ล้านคัน เมื่อซื้อ ยามาฮ่า ทุกรุ่นวันนี้ รับฟรี Yamaha World Sport Set มูลค่า 500 บาท ทันที ที่ยามาฮ่าสแควร์ ทั่วประเทศ


เพิ่มเติม http://www.newswit.com/news/2010-02-15/74b8265fa3e74b8a3e1d570e9ba5a9c6/

Sunday, February 14, 2010

1912 3 1/2 HP Norton



One of the most famous Nortons ever, 'The Old Miracle'; again a brilliantly clear postcard contributed by Martin from the USA. As Martin remarked, little can be said about this bike that has not been said already. It's a 1912 3 1/2 HP model with a 500cc side valve engine and direct belt drive that secured some 112 speed records before the first World War with a top speed of over 80mph. Note the incorrect 'Curly N' logo on the tank.

Below a pictures of a similar 3 1/2 HP machine. 

Saturday, February 13, 2010

Honest Scrap Award


Midlife Motorcycle Madness Has Received the
Honest Scrap Award


Yes, Midlife Motorcycle Madness has won another award that appears to have been circulating the blogosphere since 2008. The Honest Scrap award was given to me by Nancy Frye-Swope from The Retired Biker Housewife Blog. I am honored to have received the award and I too will attempt to pay it forward.

Here are the rules of the Honest Scrap Award:

Thank the person who gave the award and list their blog and link it.

Share “10 Honest Things” about yourself.

Present this award to 7 others whose blogs you find brilliant in content and/or design, or those who have encouraged you.

Tell those 7 people they’ve been awarded Honest Scrap and inform them of these guidelines in receiving the award

Here are the “10 Honest Things” about myself:

1. Interesting enough, Nancy Frye-Swope is currently working on a fictional novel, Ride the Warrior’s Fury, which takes place in the past and unbeknownst to her, I am working on a Science Fiction novel called Future Cycle, based in the future. However, she is in the final stages of her novel and I am just in the beginning of mine.

2. I have a very eclectic taste in music but cannot sing one note or carry a tune with a bucket. I like the genres of Classic Rock, Rock, Instrumental Rock, Oldies, Classic Country, Country, Classic Blues, Modern Blues, Christian Rock, R&B, Motown, Soul, Praise & Worship and Jazz. I love to hear a good solo or jam on any musical instrument that is played well. I would try to list some favorites but I just like too many. I have a huge music collection.

3. I’m pretty good at guessing the band or artist by just hearing part of the music, remember Name That Tune?

4. I am a fairly large individual, 6’2” quiet, and do not smile much, but I'm a softy at heart. I tear up way too easily at the movies.

5. I enjoy reading Science Fiction, Science books, the Bible, anything motorcycle or firearm related, and Christian literature.

6. I own a beautiful Guild acoustic guitar and a wine colored Fender Stratocaster but can only strum chords.

7. I have a terrible memory and can only remember about 3 phone numbers, my social security number, my driver’s license number, my anniversary date, my wife’s birthday, and my 6th child’s birthday, (born on our anniversary), but can remember millions of song lyrics.

8. I consider myself to be very antisocial. I’m a loner, hate crowds, meeting new people and strange places. I just never know what to say, but most people tend to like me once they get to know me.

9. I am very sarcastic and have an extremely warped sense of humor that often times will get me into trouble if I am not careful.

10. I am extremely acrophobic, scared of heights. I can’t even look at a movie when they peer over the edge of a precipice.

Whew, glad that is over.

OK here are the Seven Bloggers I wish to bestow the Honest Scrap Award to:

1. Stephanie aka Iowa Harley Girl from the many thoughts of harleygirl. She is winning all kinds of awards and deservedly so.

2. Stacy at bolty.net. Can't wait to hear about her new bike.

3. Bob from Bobscoot: West Coast Scootin. A true photofest.

4. Jack Riepe on Twisted Roads by Jack Riepe. Jack always tells it like it is, or rather how he sees it, lol.

5. Steve Williams over at Scooter in the Sticks. Two wheels & a camera, what more could you want?

6. Chessie from Chessie’s Tales, Motorcycles and Rides. A blast of good information.

7. Allen’s Allen Madding’s Musings. Always good info.

There are too many great blogs out there to choose from.

Ride on,
Torch



Victor Horsman wins the 500 Miles Race for 500cc machines.


Victor Horsman and his 16H Norton after winning the 500 Miles Race at Brooklands, 2 july 1921; note that this 1921 machine has a gearbox and all-chain drive.

Horsman was one of the great tuner-riders of his time, winning races and breaking records, first on Norton and then on Triumph machines. He never did forget his Nortons though, see what Titch Allen writes about him in The Story of the Norton;

"After failing to get far with their Ricardo design, Triumph called in a practical tuner, Victor Horsman. Horsman, well versed in Brooklands lore and with an intimate knowledge of Nortons, had scrapped the Ricardo four-valve design and come up with a two-valve head. Already his reworked engines had gone very well at Brooklands, in fact they had put it across the Nortons. Which was not altogether surprising for the bottom end of the Horman Triumphs, as seen on Brooklands and in the Island, were remarkably like Nortons. There were unkind people who said they were Nortons but that was not fair although the idea of running the push rods straight down to the internal cam followers without intervening tappets was pure Norton."

Thursday, February 11, 2010

NEW MIO 125 แรงเกินซีซี ... มีโอ 125



แรงเร้าใจกว่า กับอีกขีดขั้นของมีโอ 125 ซีซี หม้อน้ำ และกรบอกสูบไดอะซิลเทคโนโลยีแห่งอนาคตบิดได้ตามใจสั่ง อัตราเร่งดีเยี่ยม แต่ประหยัดน้ำมันเหลือเชื่อ คล่องตัว ดีไซน์สปอร์ต สุดยอดความมันส์แบบแตกต่างในชีวิตสไตล์ 125

ทุกไมล์ ไฮเทคหน้าบัดเห็นชัดเจน ด้วยดีไซน์แยกส่วนพร้อมเฟรมเงินสะดุดตา
ปลอดภัยกว่า กุญแจนิรภัย 2 ชั้นระบบกุญแจนิรภัย 2 ชั้น SUPER KEY SHUTTER ปิดล็อครูกุญแจด้วยปุ่มอัตโนมัติพร้อมเปิดใต้เบาะจากช่องสตาร์ท สะดวกสุดๆๆจุใจกว่า ด้วยขนาด 12.8 ลิตรที่เก็บของใต้เบาะ ใหญ่จุใจ จะมากแค่ไหนก็ใส่หมดมั่นใจกว่า ด้วยมาตรฐาน EU3 ท่อไอเสียพัฒนาให้มีแคทตาไลส์เซอร์ 2 ตัว กรองอากาศเสียให้เป็นอากาศใสช่วยลดมลพิษ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มาตรฐาน EU3ทุกคันหล่อร้ายด้วย ดีไซน์สปอร์ตตั้งแต่หัวจดท้ายไฟหน้า ใหม่ 2 ดวงคู่ ดีไซน์โมเดิร์นสว่างชัดกว่า 50 เมตร พร้อมไฟหรี่แยกส่วน BLUE LENS ไฟท้ายแบบสปอร์ต เพรียวพร้อมฝาครอบเลนส์ทั้งชุด เฉี่ยว ถูกใจแรงกว่าด้วย 125 ซีซี แรงจัด มันส์จริงเครื่องยนต์ออโตเมติก CVT พลัง 125 ซีซีบิดได้ตามใจสั่ง เพิ่มดีกรีความมันส์ เร้าใจตามสไตล์ 125เครื่องยนต์ 125 ซีซี จังหวะ 2 วาล์ว ใช้ระบบส่งกำลังแบบ CVT ระบายความร้อนด้วยน้ำม ลูกสูบเดียว ขนาดลูกสูบ 52.4 มม. ความยาวช่วงชัก 57.9มม. และอัตราส่วนการอัดตัว 10.8 : 1 สามารถสร้างกำลังขับได้ดี และมีแรงบิดที่ช่วยให้การขับขี่ลื่นไหลลูกสูบแบบอัดขึ้นรูป(Forged Pistion)สร้างจากอลูมิเนียมอัดขึ้นรูปทำให้โครงสร้างของลูกสูบมีความแข็งแรง ทนทน บางและเบากว่าลูกสูบปกติทั่วไป ลดการสั่นสะเทือน และช่วยลดการสูญเสียกำลังในขณะลูกสูบ เลื่อนขึ้น-ลง ส่งผลให้การตอบสนองของเครื่องยนต์ดียิ่งขึ้นเหนือกว่าด้วย DiASil ทน แกร่ง ประหยัดกระบอกสูบไดอะซิล ลิขสิทธิ์เฉพาะของยามาฮ่า เทคโนโลยีความแรงเดียวกับ นูโว อิลิแกนซ์แข็งแกร่ง ทนทาน ระบายความร้อนดีเยี่ยม ประหยัดได้กว่าความเป็นออโตเมติกกระบอกสูบ DiASil ถูกสร้างขึ้นโดยเทคโนโลยี่การหล่อขึ้นรูปแบบพิเศษของยามาฮ่า กระบอกสูบชนิดนี้ใช้อลูมิเนี่ยมส่วนผสมของชิลิกอน ทำให้ได้กระบอกสูบที่มีผิวหน้าแข็ง ทนทานต่อการสึกหรอ น้ำหนักเบา และระบายความร้อนได้ดีเยียมกว่า เหล็กกล้า ทำให้เร่งได้เต็มสูบ อัดได้เต็มไมล์คาร์บูเรเตอร์ รุ่น BS ขนาด 26 มิลลิเมตร กับเซนเซอร์จับตำแหน่งลิ้นเร่งเพื่อเพิ่มความสามารพในการออกตัวที่เร็วขึ้น คาร์บูเรเตอร์แบบ BS ขนาด 26 มิลลิเมตร จึงถูกนำมาใช้ ซึ่งประสิทธิภาพของคาร์บูเรเตอร์แบบ BS ขนาด 26 มิลลิเมตร ได้ถูกพิสูจน์มาแล้วในรถจักรยานยนต์สำหรั้บเดินทางระยะไกล คาร์บูเรเตอร์รุ่นนี้มีประสิทธิภาพสูงในการแยกอะตอมของน้ำมัน เพื่อเร่งการเผาไหม้ พร้อมทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาไหม้ประสิทธิภาพของคาร์บูเรเตอร์แบบ BS ขนาด 26 มิลลิเมตรนี้ยังถูกสนับสนุนด้วยระบบตรวจจับตำแหน่งลิ้งเร่งข้อมูลความเร็วรอบเครื่องยนต์ และตำแหน่งของลิ้นเร่ง ถูกนำมาวิเคราะห์ด้วย 3-D map เพื่อหารเวลาในการจุดระเบิดที่เหมาะสมต่อเครื่องยนต์และต่อลักษณะการขับขี่ที่เปลี่ยนไปเพื่อที่จะคงความสามารถในการประหยัดเชื่อเพลิง และขับขี่ที่เสถียรLIQUID - COOLED FULL SYSTEMสมบูร์กว่าเด้วย ระบายความร้อนด้วยน้ำเต็มระบบ บิดมันส์ไม่มียั้ง พลังแรงคงที่คงสมรรถนะทุกความเร็วให้ไม่มี่ตกด้วยการระบายความร้อนด้วยน้ำเต็มระบบ ความเสถียรของประสิทธิภาพเครื่องยนต์จึงมีมากขึ้น และสามารถในการขับขี่ภายในตัวเมืองได้อย่างดี รวมถึงการขับขี่ความเร็วสูงและการขับขึ้นเขาและลงเขาเช่นกัน นอกจากนี้ระบบช่องทางเดินน้ำยาหล่อเย็นระบายความร้อนในเสื้อสูบ (Water-Jacket) ยังเป็นการลดเสียงที่เกิดจากเครื่องยนต์ได้อีกด้วย ซึ่งนำไปสู่การเดินเครื่องที่เสียงเบาลงนอกจากนี้ ระบบระบายความร้อนยังช่วยลดอุณหภูมิของนำมันหล่อลื่น ทำให้ลดอัตราการใช้น้ำมันหล่อลื่นลง


เพิ่มเติม http://www.mocyc.com/content/view.php?idcontent=179



Norton in Australia


The photo above was sent to me by an Australian, Leon, and depicts his approx. 1926 M18 Norton project. Leon casually informed me that he has five (!) 1920s Nortons, four of them flat-tank models and one of them that most coveted Norton, the M25.

It amazes me how many of these fine machines pop up in Australia. Only last sunday I was sent the photo below by another Australian; a very desirable Norton engine, a 1929 ES2 motor, note the dry sump lubrication. Holidays in Australia this summer!